xs
xsm
sm
md
lg

ผุดโรงหนังหรูที่เอ็มบาสซี่ ขายตั๋วโหด 900 บาทต่อที่นั่ง

เผยแพร่:

เอ็กซ์เซกคิวทีฟทุ่มงบ 120 ล้านบาทผุดโรงหนังสุดหรูระดับ 6 ดาว ในไทย พร้อมเปิดตัวพันธมิตร เปิดขายตั๋วหนังราคา 900 บาทต่อที่นั่ง คาดปีแรกคนเข้าชม 1.3 แสนคน รายได้ 140 ล้านบาท ยันยังไม่มีแผนขยายสาขาอีก

นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 120 ล้านบาทในการสร้าง “เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมทสกรีน โดยเอไอเอส” ซึ่งเป็นครั้งแรกกับโรงภาพยนตร์หรูระดับ 6 ดาว ทั้ง 5 โรงภาพยนตร์ ล่าสุดในเมืองไทย บนชั้น 6 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ถนนเพลินจิต ติดกับห้างเซ็นทรัล ชิดลม ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป

“ด้วยเงินลงทุนที่มากกว่า 120 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนการลงทุนต่อที่นั่งสูงที่สุดในประเทศไทย หรืออาจจะสูงที่สุดในโลก ขณะที่ตั๋วหนังนั้น ราคาปกติเริ่มต้นที่ 900 บาทต่อที่นั่ง และราคาโปรโมชันเพียง 720 บาทต่อที่นั่ง สำหรับเอ็มบาสซี่ ดิโพลแมทสกรีน โดยเอไอเอส เป็นเหมือนโรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่มีบริการส่วนตัวระดับ 6 ดาว”

นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะบริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า โรงภาพยนตร์ดังกล่าวนี้ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่ได้รับรางวัลมากที่สุด คือกลุ่มร็อกเวลล์กรุ๊ป ยุโรป
โรงภาพยนตร์ที่ 1 จะเป็นคอนเซ็ปต์ที่สุดของความเอ็กซ์คลูซีฟ โดดเด่นและแตกต่างที่สุดใน 5 โรงภาพยนตร์ ซึ่งโรงที่ 1 จะมีเลานจ์พิเศษส่วนตัว บาร์ส่วนตัว พื้นที่รับรองพิเศษที่มีเวทีพร้อมรับการจัดงานแบบไพรเวตฟังก์ชัน สามารถจุได้ 33 ที่นั่ง ประเภทเก้าอี้หลากหลาย ตามกลุ่ม เป็นมาเดี่ยว คู่รัก หรือสามีภรรยา และกลุ่มเพื่อน 3 คน และครอบครัวแบบ 4 คน หรือเพื่อนร่วมงาน โดยเฟอร์นิเจอร์และบิลต์อินได้สร้างประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในแต่ละชุดที่แตกต่างกันไป ประกอบด้วยโซฟาขนาดใหญ่ หมอน ผ้าห่ม และโซฟาเอนนอนแบบยาวเหยียดขา เลานจ์สลีกแอร์ แอ็กเซสซอรีพิเศษประกอบไปด้วย ไฟส่องสว่างแบบปรับได้เหมือนในชั้นธุรกิจสายการบิน เพื่อความสะดวกในเวลาสั่งอาหาร หรือเครื่องดื่มภายในโรงภาพยนตร์ โต๊ะด้านข้างและบิลต์อิน ออลยูแคนดริงก์มินิบาร์ ด้านหลังโรงภาพยนตร์เป็นไพรเวตไวน์คลับที่เก็บเสียง ซึ่งผู้ชมภาพยนตร์สามารถเข้าไปสังสรรค์อย่างเป็นกันเองระหว่างชมภาพยนตร์ โดยพูดคุยและชมภาพยนตร์ได้ในคราวเดียวกันผ่านกระจกใสเก็บเสียงบานใหญ่ โดยไม่รบกวนผู้ชมภาพยนตร์ในโรง

โรงภาพยนตร์ที่ 2-5 ยังคงรูปแบบสุดยอดโรงภาพยนตร์อัลติเมตวีไอพีด้วยการตกแต่งที่หรูหราและแตกต่างกัน ด้วยริบบิ้นแพดเดิล และเพดานทอง บรอนซ์ เงิน ทุกที่นั่งเป็นไพรเวตโคคูนซีตที่ให้ความเป็นส่วนตัวที่ห่อหุ้มด้วยหนังแท้ และพื้นที่กลางสำหรับวางโคมไฟแสงและโต๊ะวางอาหารสแน็ก เครื่องดื่ม และป็อปคอร์น โดยทุกที่นั่งจะมีปุ่มที่สามารถเรียกมูฟวี่คอนเชียสที่เสิร์ฟให้บริการผู้ชมถึงที่นั่ง โดยทุกโรงรวมกันมีทั้งสิ้น 203 ที่นั่ง
สำหรับโรงภาพยนตร์ เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมท สกรีน ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการจากเอไอเอส, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, โนเบิล, เมอร์เซเดซ เบนซ์, ธนาคารกรุงเทพ, ไฮเนเก้น, เป๊ปซี่

ทั้งนี้ ลูกค้าพาร์ตเนอร์จะได้รับสิทธิส่วนลด 20% ทุกที่นั่ง ทุกรอบภาพยนตร์ สำหรับลูกค้า AIS และลูกค้าเซเรเนด, ผู้ถือบัตรเดบิต บัตรเครดิตในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ลูกบ้านโนเบิลทุกโครงการ, ผู้ถือบัตรเมอร์เซเดซการ์ด, ผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพ โดยลูกค้าพาร์ตเนอร์จะได้รับสิทธิในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ราคาเริ่มต้น 720 บาทต่อท่าน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีก็จะสามารถคืนทุนให้กับบริษัทได้ เนื่องจากผลตอบรับที่ดีเกินคาดจากทางพาร์ตเนอร์ โดยปัจจุบันถือว่าเป็นโรงภาพยนตร์แห่งเดียวในประเทศไทยที่มีแคทิกอรี เอ็กซ์คลูซีฟ พาร์ตเนอร์ มากที่สุดถึง 8 แบรนด์ ใน 5 โรงภาพยนตร์ และทางพาร์ตเนอร์จะมีกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้สิทธิประโยชน์ร่วมกันกับทางโรงภาพยนตร์ตลอดทั้งปี และเป็นยุทธศาสตร์การขยายตลาดกับฐานลูกค้าของแคทิ กอรี เอ็กซ์คลูซีฟ พาร์ตเนอร์ร่วมกับทางโรงภาพยนตร์

โดยตั้งเป้ายอดผู้ชมในปีแรกที่ 130,000 คน และมีอัตราการเติบโตของผู้เข้าชม 10% ทุกปี โดยอัตราการใช้โรงภาพยนตร์ (Occupancy) ที่ 35% ในขณะที่ (Average Occupancy) อัตราเฉลี่ยในประเทศไทยอยู่ที่ เพียง 20% โดยคาดว่ารายได้ในปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 140 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะมาจากยอดขายตั๋วภาพยนตร์ 100 ล้านบาท ยอดขายที่คอนเซสชัน 10 ล้านบาท และยอดขายโฆษณา 30 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทางผู้บริหารยังไม่มีแผนจะขยายสาขาโรงภาพยนตร์เพิ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น