กองปราบฯ เค้นสาวเสื้อแดงจนยอมรับสารภาพสะสมอาวุธสงครามไว้เตรียมปะทะกับมือปืนป็อปคอร์น แต่ยังปากแข็งว่าทำเพียงคนเดียวอ้างไม่เกี่ยวข้อง นปช. แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด เผยติดต่อซื้ออาวุธสงครามจากกะเหรี่ยงตามแนวตะเข็บชายแดน
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. ร่วมกับทหารกองทัพภาคที่ 1 และตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เข้าตรวจค้นจับกุม น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ อายุ 44 ปี พร้อมของกลาง อาวุธสงครามและลูกระเบิดชนิดต่างๆ หลายรายการ ภายในห้องแถวแบ่งเช่า เลขที่ 19/10 หมู่ 3 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ สว.กก.5 บก.ป.ได้ควบคุมตัว น.ส.จันทนามาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับถ่ายภาพของกลาง ก่อนเตรียมนำส่งให้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเกี่ยวพันกับการใช้ก่อเหตุที่ไหนบ้างหรือไม่ เช่น ตรวจสอบความสอดคล้องของร่องเกลียวว่าตรงกับอาวุธที่เคยถูกใช้ก่อเหตุหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงเสร็จสิ้น
พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานสอบสวนหลังจากแจ้งข้อหาครอบครองอาวุธสงคราม และยุทธภัณฑ์ ที่เจ้าพนักงานไม่สามารถอนุญาตให้ครอบครองได้ไว้แล้ว ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหา รับสารภาพว่าได้หาซื้ออาวุธสงครามของกลางมาจากชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนด้าน จ.ราชบุรี ในราคาตั้งแต่ 20,000-40,000 บาท โดยใช้เงินที่ได้มาจากการผลิตจานและตู้ทำไฟฟ้าขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนอาวุธปืนและระเบิดเหล่านี้ มีเก็บไว้เพื่อใช้ป้องกันตัว ยืนยันว่าไม่เคยนำไปใช้ก่อเหตุ และอีกเหตุผลที่ซื้อเก็บไว้เพราะเห็นฝ่ายตรงข้ามมีมือปืนป็อปคอร์นก็เลยอยากซื้อหาเก็บไว้บ้างเท่านั้น
พ.ต.อ.เอนกกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางผู้ต้องหายังไม่ได้ให้การซัดทอดถึงใคร อ้างแต่เพียงว่าผู้ที่เคยติดต่อให้รู้จักกับชาวกะเหรี่ยงที่นำอาวุธมาขายให้นั้นเสียชีวิตไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางทหารที่ร่วมตรวจค้นและจับกุมได้เก็บรวบรวมข้อมูลอาวุธสงครามทั้งหมดเพื่อไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว รวมทั้งมีการสืบสวนขยายผลพบว่าลูกน้องของผู้ต้องหาได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสอบสวนดำเนินคดีทั้งหมดจะมีการประสานกับทหารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และจะตรวจสอบว่ายังโยงไปถึงใครอีกหรือไม่และหากมีหลักฐานว่าร่วมกระทำความผิดก็จะพิจารณาออกหมายเรียก หรือขออนุมัติศาลออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.เอนกกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะต้องขยายผลการจับกุมต่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มาของอาวุธทั้งหมด ที่มาของเงินซึ่งอาจจะต้องตรวจสอบบัญชีธนาคารของผุ้ต้องหา เพราะอาวุธเหล่านี้เชื่อว่าผู้ต้องหามีการเตรียมการ และอาจถูกนำออกมาใช้ได้ทุกเมื่อหากมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันเพราะอาวุธต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกระเบิดของกลางที่พบ เราได้ส่งให้ทางเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดีไปแล้ว เนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนว่าผู้ต้องหาได้เริ่มซื้ออาวุธสงครามทั้งหมดมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้ชอบสะสมแต่ซื้อเก็บไว้ในที่ตั้ง ไม่คิดจะเอาไปใช้ก่อเหตุกับใคร หากไม่ถูกรุกรานก่อน แต่เมื่อถูกจับกุมเสียก่อนก็ยอมรับสภาพว่าอาจจะต้องติดคุก ทั้งนี้ผู้ต้องหายังคงรับว่าทำเพียงคนเดียว และไม่ได้ไปร่วมการชุมนุมกับ นปช.ทุกครั้ง แม้จะรับว่าเป็นคนเสื้อแดงคนหนึ่ง