สน.พระอาทิตย์
แม้ “จอมมาร” แห่งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส.หรืออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขานุการ ศอ.รส.จะดาหน้าออกมานั่งยัน นอนยัน
“วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์” หนุ่มพิษณุโลกวัย 24 ปี ที่ตำรวจจับกุมได้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี คือมือปืนป็อปคอร์น ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีก่อเหตุแยกหลักสี่ ไม่ใช่แพะหรือจัดฉากเล่นละคร
“ตัวจริง”!!!
ไม่ได้ข่มขู่บังคับให้รับสารภาพ คำยืนยันจาก “ธาริต” พยายามชี้แจงข้อสงสัย พร้อมอธิบายขยายความน่าเชื่อถือ
“การรับสารภาพจะต้องรับโทษหนักจำคุกถึง 20 ปี จึงเป็นการไม่สมเหตุสมผล และจากคำสารภาพของนายวิวัฒน์ยังเป็นที่ชัดเจนว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.มีการแอบฝึกกองกำลังและสะสมอาวุธผิดกฎหมายมาโดยตลอด โดยเฉพาะอาวุธสงครามร้ายแรง”
แต่ดูเหมือนยิ่งจอมมารแห่ง ศอ.รส.พยายามเน้นย้ำให้เชื่อว่ามือปืนป็อปคอร์นที่ถูกจับครั้งนี้ คือตัวจริงเสียงจริงไม่ใช่การจัดฉาก หรือการแก้ผ้าเอาหน้ารอด การดิสเครดิตผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ก็ยิ่งเพิ่มข้อสงสัย เพิ่มข้อพิรุธให้สังคมว่า “วิวัฒน์” ใช่มือปืนป็อปคอร์นที่ออกมาเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ให้รอดพ้นจากการถูกซุ่มโจมตีที่แยกหลักสี่ จริงหรือไม่
เพราะนับตั้งแต่ที่ “วิวัฒน์” ปรากฏตัวในวันที่ตำรวจพามาให้ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับ ธาริต พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ที่ ศอ.รส.ภายในกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดยืนยันคือผู้ต้องหาตามหมายจับแยกหลักสี่ ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “มือปืนป็อปคอร์น”
ทุกข้อสงสัยว่าเป็น “ตัวจริง” หรือ “ตัวปลอม” ก็เกิดขึ้นตั้งแต่การรับสารภาพที่เร็วเกินไป หรือเรื่องเงินค่าจ้างที่บอกว่าได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท ซึ่งน้อยเกินไป เพราะการ์ดของ กปปส.จะได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท
คำให้การของวิวัฒน์ที่บอกว่าไม่เคยใช้อาวุธมาก่อนและปืนเอ็ม 16 ที่ใช้ก่อเหตุ มาจากหัวหน้าการ์ดเวทีแจ้งวัฒนะ ที่ทำการสอนวิธีใช้ ก็เป็นอีกข้อสงสัยหนึ่ง เพราะ “วิวัฒน์” บอกว่าหลังจากได้รับสัญญาณวิทยุสื่อสารจากการ์ดให้ออกมาช่วยกลุ่มผู้ชุมนุมของหลวงปู่พุทธะอิสระ จึงได้ออกมายิงปืนออกไปประมาณ 20 นัด
แต่ภาพในวันที่ตำรวจพา “วิวัฒน์” มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เขาดูท่าทางเก้ๆกังๆ ไม่เหมือนกับมือปืนป็อปคอร์นวันเกิดเหตุ
ต่างจากคลิปเกิดเหตุที่ดูทะมัดทะแมง มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืนไม่เหมือนมือใหม่แต่อย่างใด!!!
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ทำให้สังคมยากที่จะเชื่อ 100% ว่า “วิวัฒน์” คือมือปืนป็อปคอร์นตัวจริงไม่อิงนิยาย ก็คือความไม่เชื่อมั่น “ตำรวจ” ที่เป็นผู้จับกุม ที่ชื่อ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ด้วยเหตุผลสำคัญคือ “พล.ต.ท.วินัย” มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสถานะ “หลานเขย” ทำให้เกิดคำถามถึงความบริสุทธิ์ใจในการทำคดี เพราะต่างก็รับรู้กันอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งระบอบทักษิณ คือคู่ขัดแย้งของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.และมือปืนป็อปคอร์นที่ตกเป็นผู้ต้องหา ก็ถูกผลักมาอยู่ในฐานะผู้ช่วยฝ่าย กปปส.
ทั้งๆ ที่คดีต่างๆ ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบบทำคดี แต่การจับกุม “มือปืนป็อปคอร์น” รายนี้ ในวันแถลงข่าวไม่มี พล.ต.อ.เอก เข้าร่วมแม้แต่น้อย ตำรวจที่มีตำแหน่งสูงสุดที่เข้าร่วมนั้นกลับเป็น พล.ต.ท.วินัย ซึ่งเป็นหลายเขยคุณหญิงพจมาน
และยิ่งเมื่อนำคดีมือปืนป๊อบคอร์นไปเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับทางฝ่าย กปปส.ทุกคดีมีความคืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นคดียิง “สุทิน ธราทิน” แกนนำ คปท.แยกบางนา คดีปาระเบิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมทั้งคดีอื่นๆ ซึ่งปรากฏหน้าตาผู้ต้องหาชัดเจน มีการออกหมายจับเช่นเดียวกับมือปืนป็อปคอร์นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะตามล่าคนร้ายได้
โดยเฉพาะคดี “ตั้ง อาชีวะ” หรือ “เอกภาพ เหลือรา” มารเยาวชน ผู้ต้องหาฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112ซึ่งศาลออกหมายจับมาหลายเดือน รวมทั้งมีภาพ “ตั้ง อาชีวะ” ปรากฏตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองไทยหลายครั้งแต่ตำรวจก็ไม่มีการติดตามจับกุมมาดำเนินคดี
ถึงขนาด พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “ผู้การวิสุทธิ์ วานิชบุตร” เรียกร้องให้พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.จับตัว “ตั้ง อาชีวะ” ภายใน 15 วัน หากยังไม่สามารถจับกุมได้ขอให้ พล.ต.อ.อดุลย์ รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.
ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เลยไม่สงสัยเหตุใดสังคมถึงเชื่อมือปืนป็อปคอร์นเป็น “ตัวปลอม” แต่เพียงสงสัยว่า คนที่รับสมอ้างเป็นมือปืนข้าวโพดคั่วได้ค่าจ้างมาเล่นละครเท่าไร
ตำรวจไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ทำงานเพื่อประชาชน แต่กลับทำตัวเป็นขี้ข้านักการเมืองมันก็เลยมีสภาพไม่ต่างจาก “ข้าวโพดคั่ว” ที่เต้นไปตามใบสั่งการเมืองเหมือนข้าวโพดคั่วที่กระเด็นกระดอนไปตามความร้อนของไฟที่ลนก้นกระทะ น่าเวทนา