โรงภาพยนตร์หรูระดับ 6 ดาวปลื้มผลการดำเนินงานปีแรก หลังทำรายได้ 100 ล้านบาท พร้อมจำนวนผู้ชม 1 แสนคน เตรียมปรับเพิ่มเสริมระบบบริการลูกค้าให้พิเศษขึ้นด้วย Personal Butler Service ประจำตัวให้บริการส่วนตัวตลอดเวลาชมภาพยนตร์ พร้อมมุ่งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น หวังทำรายได้เพิ่มขึ้น 20%
นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์หรูระดับ 6 ดาวแห่งเดียวในประเทศไทย “เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมท สกรีน โดย เอไอเอส” ณ ชั้น 6 ศูนย์การค้า “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” เปิดเผยว่า หลังจากเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2557 ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 120 ล้านบาท สามารถทำรายได้ในปีแรกประมาณ 100 ล้านบาท มาจากยอดขายตั๋ว 55 ล้านบาท ยอดขายที่คอนเซสชัน 16 ล้านบาท ยอดขายโฆษณา 20 ล้านบาท และการจัดกรุ๊ปบุ๊กกิ้ง 9 ล้านบาท ทั้งยังสามารถทำเป้าหมายผู้ชมได้ตามที่ตั้งไว้ที่ 1 แสนคน มีอัตราการใช้โรงภาพยนตร์ (Occupancy) 35% ขณะที่อัตราเฉลี่ยในประเทศไทยมีเพียง 20% สำหรับในปีที่ 2-3 ยังวางเป้าหมายที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกปีละ 20% โดยจะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ที่อยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
ปัจจุบันตั๋วชมภาพยนตร์ราคาปกติเริ่มต้นเพียง 900 บาทต่อที่นั่ง และราคาโปรโมชันเพียง 720 บาทต่อที่นั่ง ถือเป็นต้นทุนต่อที่นั่งสูงที่สุด ดีที่สุด ได้ระดับมาตรฐานที่สุดในประเทศไทย จนอาจกล่าวได้ว่าสูงที่สุดในโลก ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้มาใช้บริการเป็นที่น่าพอใจในแง่ของความสะดวกสบาย การเอาใจใส่ของพนักงาน และการบริการต่างๆ ตั้งแต่การจองตั๋วชมภาพยนตร์จนชมภาพยนตร์เสร็จ รวมถึงสถานที่หรูหราเป็นส่วนตัว จึงทำให้ผู้มาใช้บริการประทับใจ และที่สำคัญระบบการฉายภาพยนตร์ ทั้งแสง สี เสียงยังมีความคมชัดที่ได้มาตรฐานทั้งระบบ 2 มิติ และ 3 มิติ
นายไบรอัน ฮอลล์ กล่าวอีกว่า ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมทสกรีน โดย เอไอเอส” คืออันดับหนึ่งของสุดยอดโรงภาพยนตร์ที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัว ในอนาคตจึงวางเป้าหมายว่าจะบริหารงาน พร้อมปรับ เพิ่ม เสริมให้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องงานบริการให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วยการให้บริการลูกค้าแบบใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น โดยจะมี Personal Butler Service ประจำตัวคอยอำนวยความสะดวกให้ทั้งก่อนและตลอดการชมภาพยนตร์ รวมทั้งเพิ่มและขยายเก้าอี้ พร้อมปรับรูปแบบของโรงภาพยนตร์อีกหนึ่งโรงให้เป็นโรงภาพยนตร์ที่มีคอนเซ็ปต์เป็นลีฟวิ่งรูมเพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดโปรโมชันส่วนลดพิเศษและกิจกรรมในรูปแบบใหม่ที่ร่วมกับพันธมิตรทั้ง 8 พันธมิตร ประกอบด้วย เอไอเอส, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงเทพ, เมอร์เซเดส-เบนซ์, โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์, ไฮเนเก้น, เป๊ปซี่ และสายการบินเอมิเรตส์ โดยพร้อมที่จะมอบความสุขให้ผู้ใช้บริการมากกว่าการชมภาพยนตร์
ทางด้าน นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส” ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา “เอไอเอส” สามารถมอบสุดยอดประสบการณ์ของการรับชมภาพยนตร์ที่ทั้งสะดวกสบายและหรูหราแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนให้ลูกค้า พร้อมทั้งยังได้มีโอกาสในการมอบความพิเศษจากแคมเปญ AIS LIVE 360° ให้ลูกค้าได้รับทั้งส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์และความสะดวกสบายในการเข้าใช้งาน AIS Lounge ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
“ในโอกาสฉลองการครบรอบ 1 ปี เอไอเอส จึงได้มอบโปรโมชันพิเศษให้ลูกค้าด้วยส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์สูงสุด 25% และการอำนวยความสะดวก ณ AIS Lounge ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะยังมีการทำโปรโมชันในช่วงเทศกาลต่างๆ ให้แก่ลูกค้าตลอดทั้งปี” นางวิลาสินีกล่าวในตอนท้าย