“ซันเทค” ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ของจีนพ้นวิกฤตหนี้ จ่อรุกตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในต่างประเทศ หวังเลี่ยงการถูกตอบโต้การทุ่มตลาด ชี้ไทยเป็นตลาดพลังงานทดแทนที่สำคัญในอาเซียน วางเป้าขายแผงโซลาร์ในไทยปีนี้ 100 เมกะวัตต์
นายซามัวแอล จาง ผู้อำนวยการฝ่ายการขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท อู๋ซีซันเทค เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่จากจีน เปิดเผยว่า ขณะนี้ฐานะการเงินของซันเทคแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากบริษัท Shunfeng Photovaltaies International เข้ามาซื้อกิจการในช่วงที่กำลังประสบปัญหาหนี้สิน วงเงิน 3 พันล้านหยวนเมื่อปีก่อน พร้อมปรับวิสัยทัศน์ซันเทคเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ตั้งแต่การผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ออกแบบและติดตั้งและดูแลโรงไฟฟ้า รวมทั้งจัดหาเงินกู้และประกันภัยโรงไฟฟ้าด้วย
รวมทั้งซันเทคยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจากปัจจุบัน 2,500 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นนี้จะเน้นไปตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในต่างประเทศ 3-4 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกลงทุนในประเทศใด โดยยอมรับว่าตลาดที่สำคัญมีทั้งแอฟริกา และอาเซียน
โดยการลงทุนตั้งโรงงานในอาเซียนมองทั้งไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย คาดว่าจะสรุปได้ในต้นปี 2558 ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการสนับสนุนส่งเสริมการลงทุน นโยบายภาครัฐ และพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งโครงการนี้บริษัทฯ มีแผนจัดหาพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นร่วมทุนด้วย โดยยอมรับว่าไทยเป็นประเทศที่มีการบริโภคแผงโซลาร์เซลล์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย
ปัจจุบันประเทศไทยมีความตื่นตัวการใช้พลังงานทดแทนมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน โดยมีกรอบการพัฒนาการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปี 2564 จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ทำให้ธุรกิจพลังงานทดแทนในไทยยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก ทำให้บริษัทฯ มีความสนใจที่จะเข้ามาทำตลาดโซลาร์เซลล์ในไทยเพิ่มขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการทำโครงการโซลาร์ฟาร์ม 200 เมกะวัตต์ให้กับบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ก่อนที่บริษัทจะประสบปัญหาการเงินจนต้องหยุดชะงักไป
ปีนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะทำตลาดแผงโซลาร์เซลล์ในไทยไว้ที่ 100 เมกะวัตต์ เน้นเจาะลูกค้าเดิมที่เคยทำธุรกิจมาก่อนที่จะหาลูกค้าใหม่ แม้ว่าการทำตลาดในไทยจะได้รับผลกระทบด้านการเมืองอยู่บ้างก็ตาม ซึ่งรูปแบบการทำตลาดแผงโซลาร์เซลล์ในไทยนั้นมีทั้งซัปพลายเฉพาะแผงโซลาร์เซลล์ หรือร่วมทุนในโครงการขึ้นอยู่ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งอาจลงทุนทำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เอง
โดยยอมรับว่าปัจจุบันซันเทคขายแผงโซลาร์เซลล์เข้าสหรัฐฯ น้อยลงมาก เนื่องจากถูกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อสกัดกั้นสินค้าจากจีน ขณะที่ยุโรปมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะต้องขายไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาลงทุนตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในต่างประเทศเพื่อทำตลาดส่งออกได้ง่ายขึ้น โดยซันเทคมีโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์อยู่ที่อู๋ซี ลั่วหยาง และเซี่ยงไฮ้ในประเทศจีน กำลังผลิตรวม 2,500 เมกะวัตต์ และญี่ปุ่น 80 เมกะวัตต์
นายซามัวแอลกล่าวว่า ซันเทคไม่มีนโยบายในการใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการทำตลาดแผงโซลาร์เซลล์ แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่จะเน้นการให้บริการแบบครบวงจรและการบริการหลังการขาย ซึ่งการันตีแผงโซลาร์เซลล์อายุการใช้งาน 20-25 ปี โดยบริษัทฯ ยังรักษาคำมั่นสัญญาเดิมที่เคยทำไว้กับลูกค้าก่อนที่ซันเทคจะถูกเทกโอเวอร์ ถือเป็นเครื่องยืนยันสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าใหม่ด้วย
แนวโน้มความต้องการใช้แผงโซลาร์เซลล์ของโลกมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยปีนี้อยู่ที่ 5 หมื่นเมกะวัตต์จากปีก่อน 4 หมื่นเมกะวัตต์ เนื่องจากทุกประเทศหันมาส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสดีในการทำตลาดแบบครบวงจร
ในปีนี้ อู๋ซีซันเทควางเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 2,400 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน มียอดขายอยู่ที่ 800 เมกะวัตต์เพราะอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ โดยใน 2-3 ปีนี้บริษัทได้รับไลเซนส์ในการทำโรงไฟฟ้าโซลาร์เพิ่ม 3,000 เมกะวัตต์ในจีน ส่วนญี่ปุ่น และอังกฤษอีก 500 เมกะวัตต์