ศรีไทยฯ เผยยอดขายได้ไตรมาสแรกนี้ 2,240 ล้านบาท วูบลงเล็กน้อย เนื่องจากไม่มีรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่มั่นใจทั้งปีนี้ยอดขายโตตามเป้าที่วางไว้ 12% มาอยู่ที่กว่า 1.06 หมื่นล้านบาท และลดงบลงทุนในปีนี้ เหลือเพียง 800-900 ล้านบาท เหตุเลื่อนลงทุนโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและฝาปิดขวดที่อินโดนีเซียไปเป็นปีหน้าแทน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) (SITHAI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2557 บริษัทฯมียอดขายรวม 2,240 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายรวม 2,310 ล้านบาท แต่มีกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ใกล้เคียงปีก่อนอยู่ที่ 19% สาเหตุที่ยอดขายไตรมาสแรกนี้ลดลง เนื่องจากไม่มีรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนช่วงครึ่งแรกปี 2556 เนื่องจากบริษัทได้เลิกการทำธุรกิจดังกล่าวไปแล้วหันไปรุกตลาดผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ตลาดเติบโตมากและมีมาร์จินดีกว่าแทน
โดยยอมรับว่าตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนในประเทศ โดยเฉพาะเมลามีนปรับตัวลดลง 20%จากผลกระทบความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ ทำให้บริษัทฯต้องหันไปทำตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์เมลามีนเพิ่มมากขึ้น โดยวางเป้าหมายการส่งออกเมลามีนในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 60% จากเดิมที่เคยส่งออก 50% ของกำลังการผลิต
“บริษัทวางเป้าหมายปีนี้ยอดขายในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 นี้จะไม่เติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และปัญหาการเมืองทำให้กำลังซื้อในประเทศอ่อนตัวลง แต่ยอดขายในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะโตขึ้นมากเนื่องจากรับรู้รายได้จากการเพิ่มกำลังการผลิตพลาสติก ธุรกิจขายตรง และการส่งออกเมลามีน รวมทั้งรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนาม โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายธุรกิจเมลามีนโตขึ้น 5% เช่นเดียวกับบรรจุภัณฑ์และธุรกิจขายตรง”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายบริษัทฯจะเติบโตขึ้น 12%มาอยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 9.55 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 487 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทฯรับรู้รายได้จากกาารขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการส่งออกเมลามีนเพิ่มขึ้น
นายสนั่น กล่าวถึงงบการลงทุนในปีนี้ว่า บริษัทฯ ปรับลดงบลงทุนในปีนี้ลงเหลือ 800-900 ล้านบาทจากเดิมที่เคยตั้งไว้กว่า 1 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้เลื่อนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและฝาปิดขวดที่อินโดนีเซียไปเป็นปี 2558 แทน ส่วนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเมลามีนในอินเดียมูลค่า 190 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปีนี้ ส่วนการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม มูลค่า 160 ล้านบาท ก็เดินหน้าตามปกติ ทำให้งบลงทุนในต่างประเทศปีนี้อยู่ที่ 350 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนในไทยที่เน้นการซื้อเครื่องจักรและแม่พิมพ์เพื่อขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
ส่วนปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มเติมที่ฮานอย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าก่อนตัดสินใจลงทุน เบื้องต้นพิจารณาว่าจะตั้งโรงงานใหม่หรือจะซื้อกิจการโรงงานเดิมที่มีอยู่แล้วทำให้สามารถสร้างรายได้ทันที ขณะเดียวกันก็มีแผนจะติดตั้งเครื่องจักรผลิตเมลามีนเพิ่มเติมในเวียดนามด้วย จากปัจจุบันที่มีเครื่องจักรติดตั้งอยู่แล้ว 30 เครื่อง โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 เครื่องในอนาคต
นายสนั่นกล่าวต่อไปว่า นักธุรกิจอยากเห็นรัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะมาจากแนวทางใดโดยเร็ว เพื่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณรายจ่ายของรัฐ ประจำปี 2558 รวมทั้งการอนุมัติการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของบีโอไอที่ติดปัญหาอยู่ในขณะนี้ หากยืดเยื้อออกไปจะทำให้โครงการลงทุนต่างชาติอาจย้ายไปลงทุนที่อื่นแทน