xs
xsm
sm
md
lg

SITHAI ปรับฐานผลิตครั้งใหญ่ เปิดแผนรุก “อินเดีย-เวียดนาม-อินโดนีเซีย” พร้อมควักลงทุน 400 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

SITHAI ปรับฐานผลิตครั้งใหญ่ “สนั่น” เปิดแผนรุก “อินเดีย-เวียดนาม-อินโดนีเซีย” เตรียมควักเม็ดเงิน 400 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิต และซื้อเครื่องจักรใหม่ พร้อมแจงเบื้องลึกปิดโรงงานเมลามีนในจีน เนื่องจากต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น ขณะที่ยอดขายก็ไม่ได้มาก หรือมีไม่ถึง 100 ล้านบาทต่อปี และคนจีนก็นิยมใช้ผลิตภัณฑ์กระเบื้องมากกว่า

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับงบลงทุนรวมในปี 57 จากปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.6 พันล้านบาท แต่ใช้จริงไม่ถึงที่กำหนดไว้ ซึ่งเบื้องต้น บริษัทเตรียมเงินลงทุนสำหรับการรุกขยายธุรกิจในต่างประเทศกว่า 400 ล้านบาทในปีหน้า เน้นไปที่ 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม หลังจากมองว่าตลาดในประเทศเติบโตได้ยากขึ้น

ก่อนหน้านี้ บริษัทตัดสินใจปิดโรงงานผลิตเมลามีน ในกรุงปักกิ่ง ของจีน หลังจากดำเนินกิจการมาแล้ว 22 ปี ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 25 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น ขณะที่ยอดขายก็ไม่ได้มาก หรือมีไม่ถึง 100 ล้านบาท/ปี และคนจีนก็นิยมใช้ผลิตภัณฑ์กระเบื้องมากกว่าเมลามีน

นายสนั่น กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างสร้างโรงงานผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เมลามีนในอินเดีย หลังจากซื้อที่ดินไว้แล้ว ราว 60 ล้านบาท ขั้นตอนในขณะนี้กำลังเตรียมเปิดประมูลหาผู้รับเหมา และอยู่ขออนุมัติทางการในการสร้างโรงงาน คาดว่าจะเริ่มผลิตได้อย่างเร็วสุดไตรมาส 3/57 (ส.ค.-ก.ย.) กำลังการผลิตเริ่มแรก 30 เครื่อง จากเป้าหมายที่จะมีครบ 100 เครื่อง ในปี 59 ใช้เงินลงทุนทั้งโครงการราว 300 ล้านบาท แต่ในปึหน้าคงใส่เงินไม่ถึง 100 ล้านบาทสำหรับเครื่องจักร

ส่วนในเวียดนาม บริษัทมีแผนจะตั้งโรงงานใหม่อีก 1 โรง ที่ฮานอยในปี 57 เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับเครื่องดื่ม จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 2 โรง ที่โฮจิมินท์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเมลามีน และยังมีแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานเดิมทั้ง 2 แห่ง โดยจะซื้อเครื่องจักรเข้ามาเพิ่มเป็น 50 เครื่อง งบลงทุนรวม 300 ล้านบาท แต่ปี 57 จะใช้เงินลงทุนราว 90 ล้านบาท

ขณะที่แผนงานในอินโดนีเซีย จะตั้งโรงงานใหม่อีก 1 แห่ง ในกรุงจาการ์ตา เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับน้ำดื่ม เป็นการร่วมทุนที่ขณะนี้เจรจากับผู้สนใจ 2 ราย ซึ่งจะคัดเลือกเหลือเพียงรายเดียว ใช้งบลงทุนในโครงการรวม 300 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทจะต้องถือหุ้นใหญ่ เพราะต้องจัดส่งบุคลากร และใช้เทคโนโลยีของบริษัทในการผลิต คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

นายสนั่น กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งกลุ่มในปี 57 ที่ประมาณ 11,300 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีนี้ ซึ่งรวมไปถึงรายได้จากต่างประเทศด้วย โดยหวังว่ากำลังซื้อจะปรับตัวดีขึ้นตามภาพรวมเศรษฐกิจ หลังจากเกิดความผันผวนอย่างมากในปีนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาขายสินค้า เนื่องจากเพิ่งมีการปรับไปในปีนี้

ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายรวมเหลือโต 13% หรือมียอดขายรวมประมาณ 9,800 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 14% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 8,909 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และมีบางส่วนที่ลูกค้ามีคำสั่งซื้อมา แต่หลังจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนทำให้บริษัทปรับรูปแบบคำสั่งซื้อของลูกค้ามาเป็นการจ้างผลิตแทน โดยส่งวัตถุดิบมาให้แก่บริษัทผลิต ทำให้รายได้ที่เป็นตัวเลขลดลง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในขณะนี้ดีขึ้นแล้ว เพราะใกล้ปลายปีที่เป็นช่วงฤดูกาลขาย เชื่อว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังก็น่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

ปัจจุบัน ธุรกิจของกลุ่มบริษัทแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ จานชามเมลามีน มีสัดส่วนรายได้กว่า 20% ซึ่งขณะนี้ยอดขายตกลงไป เพราะถือเป็นของใช้ที่ไม่ได้จำเป็น และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความคงทนด้วย โดยกำลังซื้อลดลงประมาณ 10% ส่วนสินค้าพลาสติกที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และเครื่องดื่มสัดส่วนรายได้ 70% ตัวเลขยอดขายพุ่งขึ้นมาชดเชยกันได้บ้าง ยอดขายจึงไม่พลาดเป้าหมายมากนัก ขณะที่ธุรกิจเครือข่ายขายตรง SNatur (อาหารเสริม) มีสัดส่วนรายได้ราว 5%

นายสนั่น กล่าวอีกว่า กำไรในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนหรือไม่ยังตอบได้ยาก เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบ ทั้งกำลังซื้อน้อยลง ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ วัตถุดิบก็ปรับขึ้นราคา และมีความผันผวนสูง เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน โดยวัตถุดิบหลักเป็นเม็ดพลาสติก และผงเมลามีน ซึ่งราคามีความเกี่ยวพันกับราคาน้ำมัน และค่าเงินดอลลาร์
กำลังโหลดความคิดเห็น