กันกุลเอ็นจิเนียริ่งฟุ้งปีนี้กำไรโต 10% หลังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเต็มปี โซลาร์รูฟท็อป 11 เมกะวัตต์ และธุรกิจเทรดดิ้ง และติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ยันจับมือพันธมิตร WHA ทำโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มหากรัฐเปิดรับซื้อเพิ่มเติม หวั่นการเมืองยืดเยื้อส่งผลกระทบ
นางโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้กว่า 3 พันล้านบาท หรือโตกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.2 พันล้านบาท (หักกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน 700 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิโตขึ้น 10% โดยรายได้เติบโตขึ้นสูงมาจากการรับรู้รายได้จากค่าไฟในโครงการร่วมทุนผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปีนี้ 11 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มของบริษัทฯ เอง 28 เมกะวัตต์ที่จะรับรู้รายได้เต็มปี และรายได้จากธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่าย (เทรดดิ้ง) ประมาณ 1,500 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากงานก่อสร้างและติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย ซึ่งกำไรสุทธิที่โตขึ้นไม่มากเมื่อเทียบปีก่อน เนื่องจากปี 2556 บริษัทฯ มีการขายเงินลงทุนออกไป
วันนี้ (8 พ.ค.) โครงการร่วมทุนระหว่างกันกุลเอ็นจิเนียริ่ง กับ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ทำโครงการโซลาร์รูฟท็อป 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 3.299 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีสัญญาซื้อขาย 25 ปี ราคารับซื้อไฟฟ้า 6.18 บาท/หน่วย โดยกันกุลฯ ถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 25% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นของดับบลิวเอชเอฯ 75%
ส่วนโครงการร่วมทุนกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป 3 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวมเกือบ 3 เมกะวัตต์นั้นคงต้องรอกฤษฎีกาตีความว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากความเห็นระหว่างกรมโรงงานกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานขัดแย้งกัน รวมทั้งโครงการดังกล่าวอยู่ในกรุงเทพฯ ที่ระบุเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถดำเนินการติดตั้งและจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมรุกธุรกิจอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า อาทิ หลอดไฟ LED โดยจะเข้าไปประมูลติดตั้งในหน่วยงานต่างๆ ในปลายปีนี้ เบื้องต้นคงรับรู้รายได้ไม่มากขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐด้วย
นางโศภชากล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปก็อาจจะกระทบนโยบายภาครัฐที่จะขยายการรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้นจาก 200 เมกะวัตต์เป็น 600 เมกะวัตต์ในอนาคคได้ โดยการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์รูฟท็อปงวดที่แล้วบริษัทยื่นขอไป 30 เมกะวัตต์แต่ได้มา 11 เมกะวัตต์ ในอนาคตหากเปิดรับซื้อไฟโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มอีกก็พร้อมที่จะเข้ายื่นเสนอขาย ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมห้วยบง 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 4.2 พันล้าบาท ซึ่งบริษัทฯ ร่วมทุนกับพันธมิตรฮ่องกง คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปลายปีหน้า ส่วนพม่าก็หาโอกาสในการเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) กล่าวว่า บริษัทฯ มีพื้นที่ในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าไม่ต่ำกว่า 1-1.2 ล้าน ตร.ม. สามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ 100-120 เมกะวัตต์ ซึ่งหากรัฐบาลเปิดยื่นให้ประมูลก็มีความพร้อมเต็มที่ โดยจะร่วมมือกับกันกุลฯ ในการทำธุรกิจนี้ หลังจากประสบความสำเร็จในการจ่ายไฟจากโครงการโซลาร์รูฟท็อปให้รัฐ 3.3 เมกะวัตต์ เพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ปีละ 40 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการเช่าและบริการเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่รายได้รวมลดลงเนื่องจากไม่มีการขายเงินสินทรัพย์ออกไปเหมือนปีที่แล้ว แต่กำไรปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในปลายไตรมาส 3 นี้ คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 4.7 พันล้านบาท
ส่วนปัญหาการเมืองในประเทศนั้นขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบ แต่หากมีความรุนแรงมากขึ้น หรือมีการปฏิวัติก็คงส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ และภาพรวมเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้