“SEAOIL” เปิดแผนรุกขยายธุรกิจขายน้ำมันทางทะเล เล็งเปิดตลาดฝั่งอันดามัน เชื่อดันกำไรสุทธิโต 30% เผยมาร์จิ้นดีกว่า และไม่ต้องเก็บสต๊อกน้ำมัน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนด้านราคา
นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ บริษัท ซี ออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันหล่อลื่นสำหรับการขนส่งทางทะเล และทางบก และธุรกิจบริการอื่นๆ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 20%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,716 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าโตใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 30% เนื่องจากปีนี้บริษัทมีการขยายธุรกิจมากขึ้น โดยปีนี้ได้รับงานด้านบริการจัดหาอาหาร ทำความสะอาด และซักรีด (Catering and Service) แก่พนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10% จากปีก่อนมีสัดส่วน 3-4% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทหันมารุกธุรกิจเทรดดิ้งเพิ่มขึ้น โดยมองตลาดแถบประเทศเพื่อนบ้าน และอินโดจีน เบื้องต้นจะส่งน้ำมันไปจำหน่ายในอินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา และลาว เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสที่จะจัดจำหน่ายน้ำมันทางทะเลให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศฝั่งทะเลอันดามัน เนื่องจากปริมาณก๊าซในอ่าวไทยมีปริมาณสำรองเหลืออีกไม่มาก แต่ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ และศึกษาข้อกฎหมายระหว่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาการทำธุรกิจในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศพม่า พร้อมทั้งหาพันธมิตรท้องถิ่นร่วมทุนด้วย โดยสนใจทั้งธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันทางทะเล และการให้บริการ Catering
ทั้งนี้ ธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่นให้แก่ลูกค้าทางทะเล เช่น เรือเดินทะเล เรือบรรทุกสินค้า เรือบริวารแท่นขุดเจาะน้ำมัน เป็นต้น จะแตกต่างจากการจำหน่ายน้ำมันบนบกที่ถูกควบคุมมาร์จิ้นผ่าน ปตท. และบางจาก แต่การขายน้ำมันทางทะเล เป็นการขายแบบขายส่ง ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้มาร์จิ้นดีกว่า และไม่ต้องเก็บสต๊อกน้ำมัน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนด้านราคา ซึ่งการจัดส่งน้ำมันต้องเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ทั้งปริมาณ และคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันคู่แข่งด้านนี้ไม่มาก และโอกาสที่คู่แข่งรายใหม่เข้ามายาก
ผลประกอบการงวดปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการทั้งสิ้น 2,716.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26.70 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.99% และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 80.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.98% เนื่องจากการเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจบริหาร รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ บริษัท ซี ออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันหล่อลื่นสำหรับการขนส่งทางทะเล และทางบก และธุรกิจบริการอื่นๆ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 20%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,716 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าโตใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 30% เนื่องจากปีนี้บริษัทมีการขยายธุรกิจมากขึ้น โดยปีนี้ได้รับงานด้านบริการจัดหาอาหาร ทำความสะอาด และซักรีด (Catering and Service) แก่พนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10% จากปีก่อนมีสัดส่วน 3-4% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทหันมารุกธุรกิจเทรดดิ้งเพิ่มขึ้น โดยมองตลาดแถบประเทศเพื่อนบ้าน และอินโดจีน เบื้องต้นจะส่งน้ำมันไปจำหน่ายในอินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา และลาว เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสที่จะจัดจำหน่ายน้ำมันทางทะเลให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศฝั่งทะเลอันดามัน เนื่องจากปริมาณก๊าซในอ่าวไทยมีปริมาณสำรองเหลืออีกไม่มาก แต่ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ และศึกษาข้อกฎหมายระหว่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาการทำธุรกิจในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศพม่า พร้อมทั้งหาพันธมิตรท้องถิ่นร่วมทุนด้วย โดยสนใจทั้งธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันทางทะเล และการให้บริการ Catering
ทั้งนี้ ธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่นให้แก่ลูกค้าทางทะเล เช่น เรือเดินทะเล เรือบรรทุกสินค้า เรือบริวารแท่นขุดเจาะน้ำมัน เป็นต้น จะแตกต่างจากการจำหน่ายน้ำมันบนบกที่ถูกควบคุมมาร์จิ้นผ่าน ปตท. และบางจาก แต่การขายน้ำมันทางทะเล เป็นการขายแบบขายส่ง ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้มาร์จิ้นดีกว่า และไม่ต้องเก็บสต๊อกน้ำมัน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนด้านราคา ซึ่งการจัดส่งน้ำมันต้องเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ทั้งปริมาณ และคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันคู่แข่งด้านนี้ไม่มาก และโอกาสที่คู่แข่งรายใหม่เข้ามายาก
ผลประกอบการงวดปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการทั้งสิ้น 2,716.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26.70 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.99% และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 80.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.98% เนื่องจากการเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจบริหาร รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น