ASTV ผู้จัดการ - “ล็อกซเล่ย์” เผย Backlog ในมือกว่าหมื่นล้านบาท คาดทั้งปีรับรู้รายได้ 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 20% ดันกำไรสูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อนที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี แถมเดินหน้ายื่นประมูลทุกธุรกิจอีก1.37 หมื่นล้านบาท รับสถานการณ์การเมืองทำให้ต้องเลื่อนนำบริษัทลูกเข้าตลาด รวมทั้งเบรกแผนขายPO ล่าสุดเซ็นสัญญาช่อง5 ลุยงานอุปกรณ์ดิจิตอลทีวีทั้งห้องข่าวและโครงข่าย 1พันล้าน พร้อมรอช่อง9 –ช่อง 11 ออกทีโออาร์เพื่อเข้าประมูลต่อ โอดโครงการน้ำภาครัฐสะดุด ต้องโยกย้ายบุคลากรไปโครงการอื่นๆ ส่วนหวยออนไลน์ ยังอยู่ในขั้นตอนของศาลปกครอง หลังขอให้ช่วยคุ้มครองและเร่งให้กองสลากเปิดโครงการ ชี้รัฐยังไม่ยุติสัญญา ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นบาน
นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) (LOXLEY) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานใหม่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้มูลค่า 13,700 ล้านบาท แบ่งเป็นงานกลุ่มไอซีที ภาคธนาคารและภาครัฐ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงานในด้านทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ งานกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานขยายช่องสัญญาณให้กับลูกค้าเดิม และมีแผนจะเข้าประมูลอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท
อีกทั้ง งานในกลุ่มธุรกิจโครงการ แบ่งเป็น งานในกลุ่มสายไฟฟ้าแรงสูง 2,300 ล้านบาท งานสถานีไฟฟ้าย่อยประมาณ 1,800 ล้านบาท และงานในกลุ่มกิจการโทรทัศน์และวิทยุ ที่มีแผนเข้าประมูล ประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นในส่วนของทีวีดิจิทัล
สำหรับสายงานธุรกิจการค้า ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในส่วนของงานหลังคา สำหรับสถานีรถไฟฟ้าส่วนขยาย ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลงาน มูลค่า 1,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ LOXLEY ยังคงเป้ารายได้ปีนี้ทำได้ 18,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% สูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อนที่สูงสุดในรอบ 5 ปี หลังมีมูลค่างานในมือ(Backlog) 11,260 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 8,640 ล้านบาท หรือประมาณ 77% ขณะเดียวกันในปีนี้จากสถานการณ์เมืองที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทปรับลดสัดส่วนงานภาครัฐจากปีก่อน 70% เหลือ 60% โดยมุ่งเน้นรับงานในภาคเอกชนและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทน
โดยงานในส่วนต่างประเทศ บริษัทร่วมทุน SLA ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท กับ SAMTEL และ AIT เบื้องต้นได้ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 1,000 ล้านบาท ภายใน3ปี ซึ่งจะเน้นรับงานในส่วนของภาครัฐบาลต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศกัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม และลาว เบื้องต้น ได้เข้ารับงานวางระบบทางด้านเทเลคอมให้กับกรมพัฒนาที่ดินของประเทศลาวแล้ว
“จากปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ามีผลต่อบริษัทในหลายด้าน เช่นโครงการบริหารจัดการน้ำที่ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ ทำให้เราต้องโอนย้ายบุคลากรที่เตรียมไปสู่โครงการอื่นๆ แทนตรงนี้ถ้ามองก็มองว่าประเทศสูญเสียโอกาสหากเกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีก ส่วนโครงการ2ล้านล้าน ยอมรับว่าอาจกระทบกับบางธุรกิจของบริษัทเช่น หลังคาสานีรถไฟฟ้า และงานระบบในบางโครงการ”
ทั้งนี้ จากปัญหาทางการเมืองและภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ทำให้ LOXLEY จำเป็นต้องเลื่อน การนำ บริษัท ล็อกซเล่ย์ ไวเลส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไปจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ในช่วง ต.ค.ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้น PO ที่ได้รับการอนุมัติไว้แล้ว 165 ล้านหุ้น เพื่อรอดูสถานการณ์และภาวะตลาดให้เอื้ออำนวยก่อน
สำหรับความคืบหน้ากรณีโครงการสลากหวยออนลน์ นายเฉลิมโชค กล่าวว่าบริษัทได้ยื่นให้ศาลปกครองคุ้มครองและสั่งให้กองสลากฯ เร่งเปิดโครงการดังกล่าว และชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันได้มีค่าใช้จ่ายในส่วนของการเตรียมความพร้อมติดตั้งเครื่องซื้อขายและจ้างบุคคลไว้ แต่ขณะนี้ทางกองสลากฯ ยังไม่ได้มีการดำเนินการในกรณีดังกล่าวทำให้บริษัทฯต้องมีการใช้จ่ายค่าบำรุงรักษาและการลงทุนไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับความชัดเจนว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใดนั้น บริษัทฯ ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากอยู่ในอำนาจของศาล
ด้านแผนการดำเนินงานปี 2557 บริษัทประเมินว่า ในสายงานธุรกิจไอซีที และงานโครงการยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากงานในมือ 10,100 ล้านบาท และงานกลุ่ม High Potential อีกประมาณ 11,780 ล้านบาท ส่วนอีก 2 สายงานหลัก ในสายงานธุรกิจการค้า ปีนี้มุ่งสร้างจำนวนผลิตภัณฑ์ทั้งจากการ Sourcing และการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ที่สำคัญคือ การสร้างตลาดใหม่โดยชูธง “Loxley Intertrade” โดยตลาดที่เริ่มไปแล้วเช่นที่จีน ซึ่งร่วมกับกลุ่มไซโนเปค จากการใช้ร้านค้าของกลุ่มไซโนเปคในสถานีจำหน่ายน้ำมันที่มีมากกว่า 2,000 แห่ง รวมทั้งการทำตลาดในกลุ่ม AEC โดยมุ่งเน้นที่พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา
สำหรับ สายธุรกิจการค้า จะยังคงมีกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กับกลุ่มสินค้าเคมีที่มีฐานรายได้ที่ชัดเจนเป็นตัวนำในมีการทำรายได้ โดยมีกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งมีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท และงานกลุ่ม High Potential อีกประมาณ 1,400 ล้านบาท เป็นตัวผลักดันให้รายได้มีการเติบโต ส่วนสายงานธุรกิจบริการ กลุ่มนี้มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานในสนามบิน และงานนอกสนามบินเป็นตัวผลักดันการเพิ่มขึ้นของรายได้
“เรายังเดินหน้ารับงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเราเพิ่งเซ็นสัญญากับ ททบ.5 ไป 1,008 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์สัญญาณดิจิตอลทีวี 508 ล้านบาท และค่าอุปกรณ์รับส่งสัญญาณห้องข่าวอีก 500 ล้านบาท ตอนนี้เรากำลังรอทีโออาร์ของช่อง 9 และ ช่อง 11 เราเชื่อว่าน่าจะไปรับโอกาส เพราะที่ผ่านมาเราเป็นผู้วางระบบให้กับทั้ง 3 ช่องสถานีโทรทัศน์มากกว่า 20ปี ภาพรวมในระยะ 3-5 ปีจากนี้ งานในธุรกิจทีวีดิจิตอลจะมีเม็ดเงินรวมประมาณ 9,000 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงพัฒนาโครงข่าย ให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาแข่งขันในตลาด”
ขณะที่ผลการดำเนินงานของปี 2556 กลุ่ม LOXLEY มีรายได้ 14,929 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 590 ล้านบาท โดยรายได้เพิ่มขึ้น 6% ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจไอซีทีและงานโครงการยังคงเป็นรายได้หลักของล็อกซเล่ย์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 68% ตามมาด้วย กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง และกลุ่มธุรกิจบริการในสัดส่วน 26% และ 6% ตามลำดับ กลุ่มไอซีทีและงานโครงการยังมีฐานรายได้ที่มั่นคง โดยโตขึ้นจาก 9,700 ล้านบาท มาที่ระดับ 10,400 ล้านบาท หรือ 7% ในส่วนของกลุ่มเทรดดิ้ง ถึงแม้ว่าตลาดอุปโภคบริโภคจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดรายได้อยู่ที่ประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการเติบโตขึ้นถึง 15% จาก 780 ล้านบาท มาสู่ระดับ 900 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าทั้งในอุตสาหกรรมท่าอากาศยาน และการรักษาความปลอดภัย
โดยในด้านกำไรรวมที่ขึ้นมาแตะที่ระดับ 590 ล้านบาทนั้น นอกจากกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายเงินลงทุนในต้นปี ยังได้แรงผลักดันจากส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมซึ่งโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2555
นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) (LOXLEY) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานใหม่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้มูลค่า 13,700 ล้านบาท แบ่งเป็นงานกลุ่มไอซีที ภาคธนาคารและภาครัฐ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงานในด้านทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ งานกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานขยายช่องสัญญาณให้กับลูกค้าเดิม และมีแผนจะเข้าประมูลอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท
อีกทั้ง งานในกลุ่มธุรกิจโครงการ แบ่งเป็น งานในกลุ่มสายไฟฟ้าแรงสูง 2,300 ล้านบาท งานสถานีไฟฟ้าย่อยประมาณ 1,800 ล้านบาท และงานในกลุ่มกิจการโทรทัศน์และวิทยุ ที่มีแผนเข้าประมูล ประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นในส่วนของทีวีดิจิทัล
สำหรับสายงานธุรกิจการค้า ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในส่วนของงานหลังคา สำหรับสถานีรถไฟฟ้าส่วนขยาย ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลงาน มูลค่า 1,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ LOXLEY ยังคงเป้ารายได้ปีนี้ทำได้ 18,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% สูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อนที่สูงสุดในรอบ 5 ปี หลังมีมูลค่างานในมือ(Backlog) 11,260 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 8,640 ล้านบาท หรือประมาณ 77% ขณะเดียวกันในปีนี้จากสถานการณ์เมืองที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทปรับลดสัดส่วนงานภาครัฐจากปีก่อน 70% เหลือ 60% โดยมุ่งเน้นรับงานในภาคเอกชนและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทน
โดยงานในส่วนต่างประเทศ บริษัทร่วมทุน SLA ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท กับ SAMTEL และ AIT เบื้องต้นได้ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 1,000 ล้านบาท ภายใน3ปี ซึ่งจะเน้นรับงานในส่วนของภาครัฐบาลต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศกัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม และลาว เบื้องต้น ได้เข้ารับงานวางระบบทางด้านเทเลคอมให้กับกรมพัฒนาที่ดินของประเทศลาวแล้ว
“จากปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ามีผลต่อบริษัทในหลายด้าน เช่นโครงการบริหารจัดการน้ำที่ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ ทำให้เราต้องโอนย้ายบุคลากรที่เตรียมไปสู่โครงการอื่นๆ แทนตรงนี้ถ้ามองก็มองว่าประเทศสูญเสียโอกาสหากเกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีก ส่วนโครงการ2ล้านล้าน ยอมรับว่าอาจกระทบกับบางธุรกิจของบริษัทเช่น หลังคาสานีรถไฟฟ้า และงานระบบในบางโครงการ”
ทั้งนี้ จากปัญหาทางการเมืองและภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ทำให้ LOXLEY จำเป็นต้องเลื่อน การนำ บริษัท ล็อกซเล่ย์ ไวเลส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไปจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ในช่วง ต.ค.ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้น PO ที่ได้รับการอนุมัติไว้แล้ว 165 ล้านหุ้น เพื่อรอดูสถานการณ์และภาวะตลาดให้เอื้ออำนวยก่อน
สำหรับความคืบหน้ากรณีโครงการสลากหวยออนลน์ นายเฉลิมโชค กล่าวว่าบริษัทได้ยื่นให้ศาลปกครองคุ้มครองและสั่งให้กองสลากฯ เร่งเปิดโครงการดังกล่าว และชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันได้มีค่าใช้จ่ายในส่วนของการเตรียมความพร้อมติดตั้งเครื่องซื้อขายและจ้างบุคคลไว้ แต่ขณะนี้ทางกองสลากฯ ยังไม่ได้มีการดำเนินการในกรณีดังกล่าวทำให้บริษัทฯต้องมีการใช้จ่ายค่าบำรุงรักษาและการลงทุนไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับความชัดเจนว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใดนั้น บริษัทฯ ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากอยู่ในอำนาจของศาล
ด้านแผนการดำเนินงานปี 2557 บริษัทประเมินว่า ในสายงานธุรกิจไอซีที และงานโครงการยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากงานในมือ 10,100 ล้านบาท และงานกลุ่ม High Potential อีกประมาณ 11,780 ล้านบาท ส่วนอีก 2 สายงานหลัก ในสายงานธุรกิจการค้า ปีนี้มุ่งสร้างจำนวนผลิตภัณฑ์ทั้งจากการ Sourcing และการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ที่สำคัญคือ การสร้างตลาดใหม่โดยชูธง “Loxley Intertrade” โดยตลาดที่เริ่มไปแล้วเช่นที่จีน ซึ่งร่วมกับกลุ่มไซโนเปค จากการใช้ร้านค้าของกลุ่มไซโนเปคในสถานีจำหน่ายน้ำมันที่มีมากกว่า 2,000 แห่ง รวมทั้งการทำตลาดในกลุ่ม AEC โดยมุ่งเน้นที่พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา
สำหรับ สายธุรกิจการค้า จะยังคงมีกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กับกลุ่มสินค้าเคมีที่มีฐานรายได้ที่ชัดเจนเป็นตัวนำในมีการทำรายได้ โดยมีกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งมีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท และงานกลุ่ม High Potential อีกประมาณ 1,400 ล้านบาท เป็นตัวผลักดันให้รายได้มีการเติบโต ส่วนสายงานธุรกิจบริการ กลุ่มนี้มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานในสนามบิน และงานนอกสนามบินเป็นตัวผลักดันการเพิ่มขึ้นของรายได้
“เรายังเดินหน้ารับงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเราเพิ่งเซ็นสัญญากับ ททบ.5 ไป 1,008 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์สัญญาณดิจิตอลทีวี 508 ล้านบาท และค่าอุปกรณ์รับส่งสัญญาณห้องข่าวอีก 500 ล้านบาท ตอนนี้เรากำลังรอทีโออาร์ของช่อง 9 และ ช่อง 11 เราเชื่อว่าน่าจะไปรับโอกาส เพราะที่ผ่านมาเราเป็นผู้วางระบบให้กับทั้ง 3 ช่องสถานีโทรทัศน์มากกว่า 20ปี ภาพรวมในระยะ 3-5 ปีจากนี้ งานในธุรกิจทีวีดิจิตอลจะมีเม็ดเงินรวมประมาณ 9,000 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงพัฒนาโครงข่าย ให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาแข่งขันในตลาด”
ขณะที่ผลการดำเนินงานของปี 2556 กลุ่ม LOXLEY มีรายได้ 14,929 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 590 ล้านบาท โดยรายได้เพิ่มขึ้น 6% ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจไอซีทีและงานโครงการยังคงเป็นรายได้หลักของล็อกซเล่ย์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 68% ตามมาด้วย กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง และกลุ่มธุรกิจบริการในสัดส่วน 26% และ 6% ตามลำดับ กลุ่มไอซีทีและงานโครงการยังมีฐานรายได้ที่มั่นคง โดยโตขึ้นจาก 9,700 ล้านบาท มาที่ระดับ 10,400 ล้านบาท หรือ 7% ในส่วนของกลุ่มเทรดดิ้ง ถึงแม้ว่าตลาดอุปโภคบริโภคจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดรายได้อยู่ที่ประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการเติบโตขึ้นถึง 15% จาก 780 ล้านบาท มาสู่ระดับ 900 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าทั้งในอุตสาหกรรมท่าอากาศยาน และการรักษาความปลอดภัย
โดยในด้านกำไรรวมที่ขึ้นมาแตะที่ระดับ 590 ล้านบาทนั้น นอกจากกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายเงินลงทุนในต้นปี ยังได้แรงผลักดันจากส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมซึ่งโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2555