ปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรือช่วง 6 เดือนแรก ปี 57 โตไม่ถึง 5% กทท.เผยรายได้เท่าเดิมแต่ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ฉุดกำไรลดลง 4% ชี้การเมืองในประเทศยืดเยื้อทำค่าบาทอ่อนช่วยประคองภาคส่งออกไทย
เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อำนวยการ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน รักษาการแทนผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในการให้บริการเรือสินค้าและตู้สินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ท่าเรือเชียงของ และท่าเรือระนอง ในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2557 (ตุลาคม 2556-มีนาคม 2557) โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนนั้น ปริมาณสินค้าผ่านท่าเพิ่มขึ้นถือว่ายังสามารถขยายตัวได้ โดยสถิติตู้สินค้าผ่านท่าขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.60% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนด้านการเงินนั้นมีรายได้รวม 6,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.38% แต่มีกำไรสุทธิลดลง 4% เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้เท่าเดิม และคาดว่าสิ้นไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2557 แล้ว กทท.จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2556 ประมาณ 5%
โดนท่าเรือกรุงเทพมีเรือเทียบท่า 1,593 เที่ยว ลดลง 4.15% สินค้าผ่านท่า 10.567 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.85% และตู้สินค้าผ่านท่า (รวมตู้เปล่าและการขนส่งสินค้าทางรถไฟและเรือชายฝั่ง) 0.745 ล้านทีอียู เพิ่มขึ้น 1.50% ท่าเรือแหลมฉบัง มีเรือเทียบท่า 3,115 เที่ยว ลดลง 29.78% สินค้าผ่านท่า 34.670 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.11% และตู้สินค้า 3.095 ล้านทีอียู เพิ่มขึ้น 5.38%
ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและท่าเรือเชียงของ มีเรือเทียบท่า 4,445 เที่ยว ลดลง 2.54% สินค้าผ่านท่าน 214,695.35 ตัน เพิ่มขึ้น 8.08% ส่วนท่าเรือระนอง มีเรือเทียบท่า 205 เที่ยว เพิ่มขึ้น 43.36% สินค้าผ่านท่า 142,076 ตัน เพิ่มขึ้น 119.76%
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่คาดว่าจะมีความยืดเยื้อทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยสะท้อนผ่านความเชื่อมั่นในการลงทุนและการถือครองเงินบาท โดยจะเห็นได้จากตลาดทุนที่ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลง และเงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ที่ 32-33 บาทต่อเหรียญสหรัฐอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2557 หรืออ่อนตัวลงถึง 9.59 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน สำหรับในภาคการส่งออกการอ่อนค่าของเงินบาทนับเป็นผลดี เพราะสามารถส่งออกได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งเป็นผลดีต่อ กทท. โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังที่มีสัดส่วนตู้สินค้าส่งออกมากกว่าตู้สินค้านำเข้า แต่ต้องระวังปัจจัยที่สำคัญอื่น เช่น ภาวะเศรษฐกิจของโลกและประเทศคู่ค้าที่มีผลต่อการค้าระหว่างประเทศด้วย
