ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” พร้อมยกระดับค้าปลีกเมืองไทยสู่ระดับเวิล์ดคลาส ทุ่ม 50,000 ล้านบาท ผุดเดสติเนชันมอลล์ ต้อนรับเออีซีด้วย 6 ศูนย์การค้าทำเลทอง พื้นที่ร่วม 1.5 ล้านตารางเมตร ทยอยเปิดใน 2-3 ปีหลังจากนี้ มั่นใจช่วยฟื้นประเทศไทยกลับมาคึกคัก หลังพบนักลงทุน แบรนด์เนมหรูพร้อมลงทุนในไทยเพียบ
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ของการดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยภายใต้วิสัยทัศน์และเป้าหมายที่มุ่งยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนและของโลก ด้วยย่านการค้า สถานที่ท่องเที่ยวบันเทิงที่ทันสมัย กับ 6 โครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ระดับเวิลด์คลาสที่ทาง “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ใช้เม็ดเงินกว่า 50,000 ล้านบาทในการลงทุน พื้นที่รวมกว่า 1.5 ล้านตารางเมตร
“ก้าวต่อไปของเดอะมอลล์ไม่ใช่เพียงการสร้างศูนย์การค้า แต่จะเป็นการสร้างเดสติเนชัน มอลล์ระดับอาเซียนและของโลกให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางธุรกิจการค้าและท่องเที่ยวต่อไป ดังนั้นโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่จะลงทุนจะต้องอยู่บนทำเลที่ถูกต้องและดีเยี่ยม มีความเป็นลักชัวรี มีระดับที่มาพร้อมความโดดเด่น แตกต่างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ทั้ง 6 โครงการประกอบด้วย 1.“ดิ เอ็มโพเรียม” ที่สุดแห่งความมีระดับ หลังปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน พื้นที่ 200,000 ตารางเมตร 2.“ดิ เอ็มควอเทียร์” ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Extraordinary Life พื้นที่ 250,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ศูนย์การค้า สำนักงาน สถานที่จัดกิจกรรม 3.“ดิ เอ็มสเฟียร์” คอนเซ็ปต์ The Vibe of Bangkok has never experienced before ในรูปแบบศูนย์การค้าที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พื้นที่ 200,000 ตารางเมตร
“ทั้ง 3 โครงการคือเดอะ ดิสทริกต์ เอม (The District Em) เดสติเนชันมอลล์ย่านสุขุมวิท บนพื้นที่ 50 ไร่ โอบล้อมด้วยสวนเบญจสิริ พื้นที่โครงการรวมกันกว่า 650,000 ตารางเมตร งบลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท เพียบพร้อมด้วยศูนย์รวมแฟชั่น ลักชัวรี เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ลีฟวิ่ง ไดนิ่งจากแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกและของไทยกว่า 1,000 แบรนด์”
ส่วนโครงการที่ 4-6 เป็นโครงการที่รองรับการขยายตัวทางด้านธุรกิจการค้า และท่องเที่ยวภายหลังที่ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งและท่องเที่ยวที่สำคัญของเอเชียคือ 4.“บลู พอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์” คอนเซ็ปต์ The First Resort Mall เป็นการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท พราว เรียลเอสเตส จำกัด บนพื้นที่ 25 ไร่ พื้นที่โครงการ 250,000 ตารางเมตร งบลงทุน 5,000 ล้านบาท พร้อมให้บริการในปี 2016 5.“บลูเพิร์ล” คอนเซ็ปต์ The Grand Majestic Palace บนเกาะภูเก็ต พื้นที่ 150 ไร่ พื้นที่โครงการ 650,000 ตารางเมตร เปิดให้บริการต้นปี 2017
“ทั้ง 2 โครงการนี้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ บลู คอลเลกชัน ที่จะเปิดให้บริการในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของไทย อนาคตอาจจะมีโครงการในคอนเซ็ปต์นี้เกิดขึ้นอีก โดยจะต้องดูทำเลเป็นหลัก”
สำหรับโครงการที่ 6.จะเป็นโครงการระดับแฟล็กชิป เป็น Grand Statement ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป คือ “แบงค็อก มอลล์” คอนเซ็ปต์ City within the City บนทำเลจุดตัดถนนบางนา-ตราด กับสุขุมวิท เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอุดมสุขและบางนา พื้นที่ 100 ไร่ พื้นที่โครงการ 650,000 ตารางเมตร งบลงทุน 20,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะเป็น The Grand Metropolis of the Mall Group พร้อมให้บริการต้นปี 2017 เช่นกัน
นางสาวศุภลักษณ์ กล่าวต่อว่า แผนการลงทุนของเดอะมอลล์ กรุ๊ปในครั้งนี้ สำหรับนักลงทุน เจ้าของแบรนด์เนมต่างๆ รวมถึงแบงกิ้งจากทั่วโลก ต่างให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างมาก เห็นได้จากงาน The Overture to The New Era of The Mall Group ในวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนจากทั่วโลกเข้าร่วมงานหลายร้อยราย ขณะที่นักลงทุน/คู่ค้ารายเดิมยังคงให้ความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยและเดอะมอลล์ กรุ๊ป ส่วนนักลงทุนรายใหม่ๆ เป็นอีกกลุ่มที่มั่นใจเช่นกันหลังเห็นการตอบรับที่ดีจากแบรนด์เนมหรูที่เข้ามาเปิดตลาดไทย