เดอะมอลล์ปลื้ม วันเดียวยอดจองพื้นที่ขายโครงการบลูพอร์ท หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ เกลี้ยง เล็งพัฒนาโครงการใหม่กับประยูรวิศว์และพันธมิตรอื่นอีก คาดปีหน้าเปิดตัวดิเอ็มโพเรียม 2 หรือเอ็มควอเทียร์
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เปิดเผยว่า จากการเปิดให้ผู้สนใจเข้าจับจองพื้นที่ของโครงการบลูพอร์ท หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ประสบความสำเร็จมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้
เนื่องจากแค่เพียงการเปิดขายพื้นที่เพียงวันเดียวสามารถปิดการขายได้แล้ว ทั้งๆ ที่พื้นที่ค้าปลีกที่เปิดขายนั้นมีมากกว่า 140,000 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนมากเมื่อเทียบกับโครงการอื่นในหัวหินด้วยกัน โดยมีทั้งร้านค้าอินเตอร์แบรนด์จากส่วนกลาง และร้านค้าจากท้องถิ่นเข้ามาจับจองเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะเปิดบริการในปี 2558
ส่วนหนึ่งที่ขายพื้นที่หมดอย่างรวดเร็วอาจจะเป็นเพราะยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดให้บริการในหัวหิน โดยเฉพาะศูนย์การค้าในระดับบน จึงทำให้มีความต้องการแต่ไม่มีพื้นที่รองรับ ขณะเดียวกันหัวหินเองก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ประกอบกับเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว จึงทำให้ร้านค้าค่อนข้างมั่นใจกับการลงทุนในครั้งนี้
สำหรับโครงการบลูพอร์ท หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ เป็นโครงการที่ทางกลุ่มเดอะมอลล์ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทประยูรวิศว์ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดำเนินการโดยเฉพาะ โดยที่กลุ่มประยูรวิศว์มีที่ดินอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มเดอะมอลล์มีประสบการณ์ทางด้านค้าปลีก ประกอบกับทั้งสองกลุ่มมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในอนาคตก็มีแผนที่จะร่วมทุนกันอีกเนื่องจากทางกลุ่มประยูรวิศว์มีที่ดินที่รอการพัฒนาอีกหลายที่
นางสาวศุภลักษณ์กล่าวด้วยว่า ในปี 2556 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเฉพาะดิเอ็มโพเรียม 2 หรือ “เอ็มควอเทียร์” รวมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาและรอพัฒนาอีกหลายโครงการ ที่ผ่านมามีเจ้าของที่ดินเสนอเข้ามาเพื่อให้บริษัทไปร่วมลงทุนด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผนงานการขยายสาขาให้มากขึ้นของเดอะมอลล์กรุ๊ปเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ซึ่งตั้งเป้าไว้จะเปิดโครงการใหม่อีก 5 สาขา จากปัจจุบันมี 10 สาขาภายใน 10 ปีจากนี้ และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 48,000 ล้านบาท และคาดว่าอีก 10 ปีจากนี้จะมีรายได้ 80,000 ล้านบาท
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เปิดเผยว่า จากการเปิดให้ผู้สนใจเข้าจับจองพื้นที่ของโครงการบลูพอร์ท หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ประสบความสำเร็จมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้
เนื่องจากแค่เพียงการเปิดขายพื้นที่เพียงวันเดียวสามารถปิดการขายได้แล้ว ทั้งๆ ที่พื้นที่ค้าปลีกที่เปิดขายนั้นมีมากกว่า 140,000 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนมากเมื่อเทียบกับโครงการอื่นในหัวหินด้วยกัน โดยมีทั้งร้านค้าอินเตอร์แบรนด์จากส่วนกลาง และร้านค้าจากท้องถิ่นเข้ามาจับจองเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะเปิดบริการในปี 2558
ส่วนหนึ่งที่ขายพื้นที่หมดอย่างรวดเร็วอาจจะเป็นเพราะยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดให้บริการในหัวหิน โดยเฉพาะศูนย์การค้าในระดับบน จึงทำให้มีความต้องการแต่ไม่มีพื้นที่รองรับ ขณะเดียวกันหัวหินเองก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ประกอบกับเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว จึงทำให้ร้านค้าค่อนข้างมั่นใจกับการลงทุนในครั้งนี้
สำหรับโครงการบลูพอร์ท หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ เป็นโครงการที่ทางกลุ่มเดอะมอลล์ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทประยูรวิศว์ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดำเนินการโดยเฉพาะ โดยที่กลุ่มประยูรวิศว์มีที่ดินอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มเดอะมอลล์มีประสบการณ์ทางด้านค้าปลีก ประกอบกับทั้งสองกลุ่มมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในอนาคตก็มีแผนที่จะร่วมทุนกันอีกเนื่องจากทางกลุ่มประยูรวิศว์มีที่ดินที่รอการพัฒนาอีกหลายที่
นางสาวศุภลักษณ์กล่าวด้วยว่า ในปี 2556 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเฉพาะดิเอ็มโพเรียม 2 หรือ “เอ็มควอเทียร์” รวมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาและรอพัฒนาอีกหลายโครงการ ที่ผ่านมามีเจ้าของที่ดินเสนอเข้ามาเพื่อให้บริษัทไปร่วมลงทุนด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผนงานการขยายสาขาให้มากขึ้นของเดอะมอลล์กรุ๊ปเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ซึ่งตั้งเป้าไว้จะเปิดโครงการใหม่อีก 5 สาขา จากปัจจุบันมี 10 สาขาภายใน 10 ปีจากนี้ และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 48,000 ล้านบาท และคาดว่าอีก 10 ปีจากนี้จะมีรายได้ 80,000 ล้านบาท
