xs
xsm
sm
md
lg

ปรับใหญ่ “สควีซ” รอบ 10 ปี “ทิปโก้” ชูเฮลตี้ฟูด-ลดไซส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “ทิปโก้” รีเฟรชแบรนด์ร้านค้าปลีก ร้าน “สควีซ” ใหม่รอบ 10 ปี หวังใช้เป็นการสร้างแบรนด์และเพิ่มช่องทางขาย พร้อมทุ่มงบ 100 ล้านบาทรุกตลาดน้ำผลไม้ 100% หวังดันแชร์รวมเป็น 45% สิ้นปีนี้

นายพีรพงษ์ อาชวพงษ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ตรา “ทิปโก้” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจในส่วนของร้านค้าปลีก “สควีซ” (SQUEEZE) ที่เป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มสมูทตี้ของทิปโก้มากขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างแบรนด์และรายได้ให้กลุ่มทิปโก้ นอกเหนือไปจากการจำหน่ายในรูปแบบบรรจุภัณฑ์กล่องยูเอชทีของผลิตภัณฑ์น้ำดื่มผลไม้ 100%

ทั้งนี้ หลังจากที่ทำตลาดร้านสควีซมานานกว่า 10 ปีแล้วนั้น ปีนี้มีแผนที่จะรีเฟรชแบรนด์ใหม่ครั้งใหญ่เพื่อให้มีโมเดลที่เหมาะสมกับปัจจุบันและดีขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งสร้างความหลากหลายมากขึ้น นอกจากการจำหน่ายน้ำผลไม้อย่างเดียวในรูปแบบสมูทตี้ดริงก์ โดยมีแผนที่จะเน้นการจำหน่ายอาหารที่เป็นเฮลตี้ฟูดมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น เบเกอรี ขนมปัง สลัด จากเดิมที่เน้นจำหน่ายเครื่องดื่มเป็นหลัก รวมไปถึงการลดขนาดพื้นที่ของร้านลงบ้างเพื่อให้สามารถขยายสาขาได้ง่ายขึ้น ง่ายต่อการหาทำเลที่เล็กลง เฉลี่ยตั้งแต่ 15-50 ตารางเมตร และขยายตัวสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นจากเดิมที่เน้นกรุงเทพฯ เป็นหลัก

ปัจจุบันมีร้านสควีซเปิดบริการกว่า 58 สาขา ตั้งอยู่ตามศูนย์การค้าและคอมมูนิตีมอลล์ทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และเป็นของบริษัทฯ ทั้งหมด แต่เป็นรูปแบบของแฟรนไชส์บ้างในต่างจังหวัดไม่มากนัก ซึ่งครึ่งปีหลังอาจจะเริ่มเห็นโมเดลใหม่ของร้านสควีซได้ โดยปีนี้วางแผนเปิดร้านสควีซใหม่ประมาณ 5-10 สาขา ลงทุนประมาณ 1.5-2 ล้านบาทต่อสาขา เน้นทำเลศูนย์การค้าและย่านชุมชนเป็นหลัก โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมของร้านสควีซนี้ประมาณ 300 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเติบโต 10%

• เป้าหมายเพิ่มแชร์น้ำผลไม้เป็น 45% •
นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เปิดเผยว่า ปีที่แล้วบริษัทฯ มีรายได้จากน้ำผลไม้ทิปโก้ประมาณ 2,000 ล้านบาทในประเทศ และอีก 400 ล้านบาทสำหรับตลาดต่างประเทศ ปีนี้ตั้งเป้าเติบโตสองหลักมากกว่าตลาดรวมที่ไม่น่าจะโตมากในแง่มูลค่าเพราะแข่งขันราคารุนแรงและเศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย บริษัทฯ วางนโยบายการรุกธุรกิจตลาดน้ำผลไม้เป็น 3 ตลาดหลัก คือ 1. ตลาดประเทศไทย 2. ตลาดเอเชีย และ 3. ตลาดนอกเอเชีย หรือตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วในส่วนของตลาดเอเชียซึ่งมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 400 ล้านบาทยังถือว่าน้อยอยู่ ขณะที่ไทยยังคงเป็นตลาดหลักสำคัญที่สุด ส่วนระดับตลาดทั่วโลกนั้นเป็นระยะยาวหลังจากที่ทำตลาดในเอเชียแข็งแกร่งแล้ว

ไทยยังเป็นตลาดหลักเนื่องจากอัตราการบริโภคน้ำผลไม้ของคนไทยยังต่ำมากเฉลี่ย 4 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น เทียบไม่ได้กับต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป 20-60 ลิตรต่อคนต่อปี นั่นหมายความว่าตลาดไทยยังมีโอกาสและช่องว่างอีกมาก โดยตลาดน้ำผลไม้ในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท แยกเป็นกลุ่มพรีเมียม หรือน้ำผลไม้ 100% ประมาณ 4,500 ล้านบาท ส่วนอีก 8,000 ล้านบาทเป็นกลุ่มสแตนดาร์ดและอีโคโนมีที่ไม่ใช่ 100%

“ทิปโก้เล่นในตลาด 100% และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากสุดสิ้นปีที่แล้วคือ 43% ของกลุ่มพรีเมียม และล่าสุดไตรมาสแรกปี 2557 มีแชร์เพิ่มเป็น 44% แล้ว และเติบโต 10% และปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มแชร์เป็น 45% ซึ่งตลาดพรีเมียมนี้เติบโต 5% เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น แต่ก็แข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการทำโปรโมชันด้านลดราคา แต่ทิปโก้ไม่เน้นลดราคา แม้เราจะมีราคาสูงกว่าทั่วไป 10-20% โดยเฉลี่ย”

ล่าสุดบริษัทฯ ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาทออกแคมเปญใหม่ “ทิปโก้น้ำส้มแท้ 100% คั้นสดลงกล่อง อร่อยสดชื่นของจริง” มี 5 รสชาติคือ น้ำส้มเขียวหวาน น้ำส้มโชกุน น้ำส้มสายน้ำผึ้ง น้ำส้มสีทอง และน้ำส้มสดเมดเลย์ และแต่งตั้ง “เคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำการตลาดครบวงจร เพื่อเน้นและสร้างให้ผู้บริโภครู้ความแตกต่างของทิปโก้ซึ่งเป็นน้ำส้มแท้ 100% และมีหนังโฆษณาใหม่ออนแอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น