“ซันโตรี่-ทิปโก้” ปรับทิศรุกตลาด “ชาอู่หลง” หลังต้องล่าถอยจากตลาดชาเขียวเพราะแข่งขันดุเดือดจาก 2 ค่ายใหญ่ มั่นใจปีนี้ยอดขาย 700 ล้านบาท ย้ำยึดตลาดเกือบ 100% เพราะยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง เผยสองยักษ์ชาเขียวจดจ้องรุกตลาดชาอู่หลง
นายเซอิชิ อูเอโนะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตชาพร้อมดื่มอู่หลงแบรนด์ทีพลัส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มซันโตรี่ ญี่ปุ่น กับกลุ่มทิปโก้ของไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ หันมาให้ความสำคัญและโฟกัสไปที่ตลาดชาอู่หลงแบรนด์ทีพลัสในการรุกตลาดประเทศไทย ซึ่งทีพลัสนี้เป็นทั้งแบรนด์ใหม่และรสชาติใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาทำตลาดในไทยโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียที่ซันโตรี่ญี่ปุ่นทำตลาดชาอู่หลงต่อจาก อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2556 โดยซันโตรี่เป็นผู้นำตลาดชาอู่หลงในญี่ปุ่นมานานกว่า 32 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัทฯ มีสินค้าเครื่องดื่มหลายตัวและหลายเซกเมนต์ที่ทำตลาดในเมืองไทย แต่ที่ผ่านมาเริ่มที่จะลดบทบาททางการตลาดลงไปหลายแบรนด์เนื่องจากการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแบรนด์ดาการะ เครื่องดื่มชาเขียวแบรนด์มิเรอิ ที่เคยตั้งเป้าหมายว่าจะก้าวขึ้นเป็นที่ 3 ในตลาดชาเขียวให้ได้ แต่สุดท้ายก็ลดการทำตลาดลงแล้วซึ่งผู้บริหารเองก็ยอมรับว่า ไม่ได้เน้นสินค้าเหล่านั้นแล้ว
สำหรับตลาดชาอู่หลงในไทยนั้นยังเล็กมาก แต่ก็มีโอกาสและแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการชาเขียวแบรนด์ใหญ่ในตลาดไทยจะเข้ามาเล่นในตลาดชาอู่หหลงนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้ตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยปีนี้คาดว่าตลาดรวมชาอู่หลงจะมีประมาณ 700-800 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีมูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนน้อยมากจากตลาดชารวมที่มีมากกว่า 16,000 ล้านบาท เติบโต 23-25% ซึ่งในตลาดรวมชาอู่หลงพร้อมดื่มนี้ แบรนด์ทีพลัสที่ผลิตในไทยที่โรงงานของกลุ่มทิปโก้ที่เป็นพันธมิตรกันที่อยุธยา แทบจะยึดตลาดเพียงรายเดียว ด้วยแชร์กว่า 98% นอกนั้นก็เป็นบรนด์นำเข้า เช่น พอคคา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้วางตลาดในไทยมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วได้รับการตอบรับอยางดี มี 4 รสชาติ คือ รสต้นตำรับ รสการ์ดีเนียนผสมเลมอน รสปราศจากน้ำตาล และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรสดอกออสแมนตัส ขนาด 500 มิลลิลิตรในขวดเพต ราคา 20 บาท โดยปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 700 ล้านบาท และตั้งงบการตลาดไว้ที่ 500 ล้านบาท ทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งบีโลว์เดอะไลน์ อะโบฟเดอะไลน์
ล่าสุดเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่โดยมี “บอม-ธนินทร์ มนูญศิลป์” เป็นพรีเซ็นเตอร์
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะทำยอดขายรวมได้ 700 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท หรือจำหน่ายได้ประมาณ 10 ล้านขวด และตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของผู้ประกอบการชาพร้อมดื่มรายใหญ่ในไทยให้ได้ ซึ่งถึงขณะนั้นคาดว่าจะมียอดขายรวมเป็น 3 เท่าจากปีที่แล้วหรือคิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมีสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นด้วย