“โอชายะ” สร้างโอกาสรับเออีซี เกาะติดโรงหนังชุมชน ทุ่ม 100 ล้านบาทส่ง 2 แบรนด์ใหม่ “ซาโอ-ราเมง บอย” ทะลวงอีสาน สิ้นปีเปิดครบ 250 สาขา ส่งรายได้รวมแตะ 300 ล้านบาท โตขึ้น 100%
นายสแตนลีย์ ยู ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอชายะ จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ร้านชา “โอชายะ” เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่ทางบริษัทมีการลงทุนมากที่สุด หลังจากดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ปี เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนของจังหวัดชายแดนไทยกับการเข้าสู่ AEC โดยปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับเพิ่มแบรนด์ใหม่ 2-3 แบรนด์คือ “ซาโอ” จำหน่ายขนมจีบ-ซาลาเปา และ “ราเมงบอย” จำหน่ายราเมง รวมถึงแบรนด์ “โอกีชา”
จากปัจจุบันมีอยู่ 1 แบรนด์คือ ร้านชา “โอชายะ” ที่มีอยู่ 250 สาขาเมื่อสิ้นปี 2556 และส่วนใหญ่เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ การลงทุนในปีนี้เกิดจากความร่วมมือที่จะเปิดให้บริการไปพร้อมกับโครงการโรงภาพยนตร์ชุมชน “กันตนา ซีนีเพล็กซ์” ของกันตนา ที่จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงเดือน พ.ค.ศกนี้ โดยปีนี้จะเน้นเปิดให้บริการที่ภาคอีสานก่อน ถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ครบ 250 สาขา หรือในสิ้นปีนี้จะมีร้าน “ซาโอ” และ “ราเมงบอย” เปิดให้บริการ แบรนด์ละ 250 สาขานั่นเอง
สำหรับ “ซาโอ” เป็นแบรนด์อาหาร จำหน่ายขนมจีบและซาลาเปา และอาหารกินเล่น กินง่าย ราคาเริ่มต้นที่ 12-15 บาท ส่วน “ราเมงบอย” นั้นจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นประเภท ราเมง ราคาเริ่มต้น 60-70 บาทต่อชาม หรือราคาเซตละ 80 บาทขึ้นไป ส่วนแบรนด์ “โอกีชา” (Okeecha) เป็นแบรนด์เครื่องดื่มชาที่จะใช้รุกตลาดต่างจังหวัดช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
ส่วนแบรนด์ “โอชายะ” ปีก่อนเปิดเพิ่ม 80 สาขา ส่งผลให้สิ้นปี 2556 มีเปิดให้บริการรวมกว่า 250 สาขา และมีเพียง 30 สาขาที่บริหารเอง ในปีนี้จะขยายให้ครบ 500 สาขา ส่วนใหญ่เป็นลักษณะแฟรนไชส์ ในราคา 3 แสนบาท คุ้มทุนใน 6 เดือน จากแผนการลงทุนทั้งหมด มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 250-300 ล้านบาท โตขึ้น 100%
“ตามแผนงานของบริษัทจะมีการลงทุนต่อเนื่อง 2-3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าว่าทุกแบรนด์รวมกันจะมีจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 1,000 สาขา และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป” นายสแตนลีย์ กล่าว
นายสแตนลีย์ ยู ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอชายะ จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ร้านชา “โอชายะ” เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่ทางบริษัทมีการลงทุนมากที่สุด หลังจากดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ปี เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนของจังหวัดชายแดนไทยกับการเข้าสู่ AEC โดยปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับเพิ่มแบรนด์ใหม่ 2-3 แบรนด์คือ “ซาโอ” จำหน่ายขนมจีบ-ซาลาเปา และ “ราเมงบอย” จำหน่ายราเมง รวมถึงแบรนด์ “โอกีชา”
จากปัจจุบันมีอยู่ 1 แบรนด์คือ ร้านชา “โอชายะ” ที่มีอยู่ 250 สาขาเมื่อสิ้นปี 2556 และส่วนใหญ่เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ การลงทุนในปีนี้เกิดจากความร่วมมือที่จะเปิดให้บริการไปพร้อมกับโครงการโรงภาพยนตร์ชุมชน “กันตนา ซีนีเพล็กซ์” ของกันตนา ที่จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงเดือน พ.ค.ศกนี้ โดยปีนี้จะเน้นเปิดให้บริการที่ภาคอีสานก่อน ถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ครบ 250 สาขา หรือในสิ้นปีนี้จะมีร้าน “ซาโอ” และ “ราเมงบอย” เปิดให้บริการ แบรนด์ละ 250 สาขานั่นเอง
สำหรับ “ซาโอ” เป็นแบรนด์อาหาร จำหน่ายขนมจีบและซาลาเปา และอาหารกินเล่น กินง่าย ราคาเริ่มต้นที่ 12-15 บาท ส่วน “ราเมงบอย” นั้นจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นประเภท ราเมง ราคาเริ่มต้น 60-70 บาทต่อชาม หรือราคาเซตละ 80 บาทขึ้นไป ส่วนแบรนด์ “โอกีชา” (Okeecha) เป็นแบรนด์เครื่องดื่มชาที่จะใช้รุกตลาดต่างจังหวัดช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
ส่วนแบรนด์ “โอชายะ” ปีก่อนเปิดเพิ่ม 80 สาขา ส่งผลให้สิ้นปี 2556 มีเปิดให้บริการรวมกว่า 250 สาขา และมีเพียง 30 สาขาที่บริหารเอง ในปีนี้จะขยายให้ครบ 500 สาขา ส่วนใหญ่เป็นลักษณะแฟรนไชส์ ในราคา 3 แสนบาท คุ้มทุนใน 6 เดือน จากแผนการลงทุนทั้งหมด มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 250-300 ล้านบาท โตขึ้น 100%
“ตามแผนงานของบริษัทจะมีการลงทุนต่อเนื่อง 2-3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าว่าทุกแบรนด์รวมกันจะมีจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 1,000 สาขา และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป” นายสแตนลีย์ กล่าว
