xs
xsm
sm
md
lg

“ซาลาเปา ลาวา” ฝีมือเชฟฮ่องกง ความฮอตฮิตของซาลาเปาในยุคนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พัสสอัณณ์ แซ่คึง เจ้าของร้าน
ถ้าพูดถึงซาลาเปาในยุคนี้แล้วละก็ หลายคนคงจะนึกถึงซาลาเปา ลาวา หรือซาลาเปาไส้ไหล ซึ่งแท้จริงแล้วซาลาเปาลาวาไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทย เพราะหลายคนที่ชื่นชอบรับประทานอาหารจีน สไตล์ฮ่องกง หรือไต้หวัน คงจะได้เคยกินกันมาแล้วตามภัตตาคารจีน เพราะซาลาเปาลาวาที่เราพูดถึงนี้มีต้นกำเนิดมาจากไต้หวัน และฮ่องกง

แต่สำหรับคนไทย วันนี้สามารถที่จะซื้อซาลาเปาลาวาได้แล้วตามร้านทั่วไป ไม่จำเป็นต้องไปนั่งกินกันที่ภัตตาคารจีนเหมือนในอดีต เพราะมีเชฟโรงแรมชื่อดังจากเกาะฮ่องกงได้ทำซาลาเปาลาวามาขายให้คนที่สนใจซื้อไปขายต่อที่ทอดหนึ่ง ส่วนร้านซาลาเปาที่เราพูดถึง ในครั้งนี้มีชื่อร้านว่า “ซาลาเปา_ลาวา” ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านซาลาเปาลาวาที่รับซาลาเปา จากเชฟคนดังกล่าวมาขาย

ทั้งนี้ ความโดดเด่นของซาลาเปาลาวาอยู่ที่ตัวไส้ ซึ่งเป็นไส้ครีม ไข่เค็มลาวา เมื่อบิดซาลาเปาออกมาไส้จะไหลออกมาเหมือนภูเขาไฟลาวาจึงได้เป็นที่มาของชื่อซาลาเปาลาวา แต่คนไทยนำมาเรียกง่ายๆ ว่าซาลาเปาไส้ไหล เพราะเมื่อบิดเนื้อซาลาเปาไส้จะไหลตามออกมา ปัจจุบันซาลาเปาลาวาเริ่มมีขายอยู่หลายจุดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ความอร่อยก็ต้องขึ้นกับฝีมือของแต่ละคน
รับงานอีเวนท์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซาลาเปาลาวาเหมือนว่าจะได้รับความนิยมจากคนกินจำนวนมาก โดยดูจากยอดขายของร้านที่เราได้ไปพูดคุย แต่คนขายก็ยังไม่มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเรามองว่าน่าจะมาจากขั้นตอนการทำไม่ใช่ง่ายเหมือนซาลาเปาทั่วไป หรือทำได้อร่อยเท่า (ตามคำบอกเล่าของร้านซาลาเปา_ลาวา “นางสาวพัสสอัณณ์ แซ่คึง”)

พัสสอัณณ์เล่าว่า ซาลาเปาของที่ร้านเป็นซาลาเปาสูตรฮ่องกง มีอยู่ด้วยกัน 3 ไส้ คือ ไส้หมูสับ ไส้หมูแดง และนางเอกของเรา คือ ซาลาเปาไส้ครีมไข่เค็มลาวา ซึ่งเป็นฝีมือของเชฟจากโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง (แชงกรี-ลา เกาะฮ่องกง) เดิมเชฟท่านนี้เป็นคนมาเลเซีย และมาได้ภรรยาเป็นคนไทย หลังจากอายุมากขึ้น ได้ลาออกจากงาน และมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งแกมีฝีมือในการทำซาลาเปามาก “ภรรยา” ก็เลยแนะนำให้ทำซาลาเปาขาย โดยใช้วิธีการส่งขายให้พ่อค้า แม่ค้ามารับไปจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง รวมถึง ร้านซาลาเปา_ลาวา ของเราด้วย

ทั้งนี้ ด้วยฝีมือระดับเชฟโรงแรมชื่อดังจากต้นกำเนิดซาลาเปาลาวา ทำให้เราได้ซาลาเปาที่เป็นสูตรฮ่องกงแท้ๆ ที่ไม่สามารถหากินที่ไหนได้ ในแต่ละวันเชฟรายนี้จะต้องทำซาลาเปาเพื่อส่งขายให้พ่อค้า แม่ค้า รับไปขายมากถึงวันละ 4,000 ลูก

พัสสอัณณ์เล่าถึงในส่วนของร้านซาลาเปา _ ลาวา ของเธอว่า ในวันแรกก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าลูกค้าจะให้การตอบรับเป็นอย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทย แต่อย่างหนึ่งที่ตัดสินใจนำมาขายเพราะเชื่อในฝีมือของเชฟ และไม่ได้มีแค่ซาลาเปาลาวา แต่มีซาลาเปาไส้หมูแดง หมูสับ เหมือนทั่วๆ ไป โดยเริ่มขายครั้งแรกสั่งมา 500 ลูก เป็นลาวา 300 ลูก แต่ปรากฏว่าลาวา 300 ลูกขายไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็หมดเลย ส่วนไส้อื่นๆ ก็ขายหมดเช่นกัน ไม่เกิน 2 ชั่วโมง แล้วก็ไม่พอขาย

พอวันต่อมาสั่ง 1,000 ลูก ก็ขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน แล้วก็ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันขายวันละ 1,800 ลูก ถึง 2,200 ลูก และ 80% เป็นซาลาเปาลาวา ส่วนหนึ่งที่ผลตอบรับดีมาจากหลายปัจจัย ครั้งแรกมองที่ความแปลกใหม่ น่าลอง แต่ที่สำคัญคือ รสชาติ ที่ทำให้เกิดการบอกกันแบบปากต่อปากมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนราคาขายอยู่ที่ลูกละ 18 บาท

พัสสอัณณ์เล่าถึงช่องทางการขาย ซาลาเปาของเธอว่า ปัจจุบันเธออาศัยไปขายตามจุดต่างๆ เพื่อหมุนเวียนให้ลูกค้าหลายๆ กลุ่ม เพราะกลัวว่าขายจุดเดียวลูกค้าจะเบื่อ และลูกค้าที่อื่นๆ ก็จะไม่ได้กิน ส่วนหนึ่งมีการแนะนำซาลาเปาขายผ่านทางเฟซบุ๊กด้วย ผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี เพราะบางครั้งลูกค้าอยู่ไกลจากจุดที่ร้านเราไปตั้งขายก็จะให้เราจัดส่งทางไปรษณีย์ให้ และเมื่อเราไปลงพื้นที่ขายที่ไหน บอกลูกค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก ใครอยู่ใกล้ตรงจุดไหนที่เราไปตั้งร้านก็จะแวะมาซื้อกิน แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในส่วนของช่องทางการขายอื่นๆ รับออเดอร์ตามงานเลี้ยง และอีเวนต์ต่างๆ

ร้านซาลาเปา_ลาวา เป็นหนึ่งในร้านที่ยึดช่องทางการขายตามตลาดนัด ที่อยู่ตามออฟฟิศสำนักงาน สถาบันการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นร้านในลักษณะนี้มากขึ้น เพราะช่องทางการขายดังกล่าวถือเป็นช่องทางการขายที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ เพราะได้ลูกค้าที่มีรายได้ และพร้อมที่จะจ่าย เพียงแค่เลือกสินค้าให้ตรงตามความต้องการ ส่วนค่าเช่าพื้นที่ปัจจุบันราคาค่อนข้างสูง ตกวันละประมาณ 500 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่และทำเลด้วย

โทร. 08-0813-7828

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น