อาหารญี่ปุ่นยังทะลักเข้าไทย โทริดอลล์มั่นใจไม่หวั่นม็อบ ตัดสินใจร่วมทุนกับแฟรนไชส์ไทยดันร้านอุด้งมารุกาเมะเซเมงบุกไทย ด้านโนดุฟู้ดส์เพิ่มทุนเป็น 180 ล้านบาทเปิดทางให้เข้าร่วมหุ้น 40%
นายทาคายะ อาวาตะ ประธานบริษัท โทริดอลล์ คอร์ปอเรชัน จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารอุด้ง “มารุกาเมะ เซเมง” จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับทางบริษัท โนดุฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นของกลุ่มบูทิคของไทย และเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์มารุกาเมะเซเมงเมื่อปีที่แล้ว จากบริษัทเข้ามาดำเนินการในไทย เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจในตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยที่มีการเติบโตอย่างดี และเศรษฐกิจไทยที่มีศักยภาพ แม้ว่าจะมีปัญหาด้านการเมืองก็ตาม แต่ในระยะยาวยังดีอยู่ และการตัดสินใจที่จะร่วมทุนกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ในครั้งนี้ก็มีก่อนที่จะมีม็อบการเมืองเกิดขึ้น แต่ก็ยังคงลงทุนตามแผนเดิม
ไทยก็ยังถือเป็นประเทศที่ดีที่สุดและน่าลงทุนมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือกลุ่มเออีซีที่มี 10 ประเทศ และไทยก็เป็น 1 ใน 2 ประเทศกับจีนที่บริษัทร่วมทุนกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ ส่วนที่อินโดนีเซียเป็นการขายแฟรนไชส์ และที่เหลืออีก 6 ประเทศเป็นการลงทุนโดยบริษัทเอง
ปัจจุบันมารุกาเมะเซเมงมีสาขาทั้งสิ้น 819 สาขาทั่วโลก แบ่งเป็นที่ญี่ปุ่นรวม 772 สาขา, จีน 20 สาขา, ไทย 9 สาขา, รัสเซีย 5 สาขา, เกาหลีใต้ 4 สาขา, ฮ่องกง 3 สาขา อินโดนีเซีย ไต้หวัน ฮาวาย ประเทศละ 2 สาขา และบริษัทยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นอีกมากในเครือ แต่ยังไม่ได้นำเข้ามาในไทย ส่วนประเทศล่าสุดที่จะทำตลาดคือ เวียดนาม
นายปรับชะรัน ซิงห์ ทักราล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บูทิค กล่าวว่า ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัท โนดุฟู้ดส์ จำกัด ใหม่ จากเดิม 90 ล้านบาทเป็น 180 ล้านบาท เร็วๆ นี้ เพื่อให้ทางโทริดอลล์เข้ามาถือหุ้นจำนวน 40% เพื่อสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจในไทย และเพื่อแข่งขันกับร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยที่มีมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 10-20% ต่อปีได้ และจะผลักดันให้อาหารประเภทอุด้งขึ้นมาเป็นท็อปไฟว์ในกลุ่มอาหารญี่ปุ่นในไทยให้ได้ภายใน 2 ปี
โดยภายในปี 2558 ตั้งเป้าหมายเปิดให้ครบ 30 สาขาในไทย ซึ่งจะเร็วกว่าเป้าหมายเดิม 1 ปีจากเดิมกำหนดปี 2559 เนื่องจากมีบริษัทแม่ของมารุกาเมะเซเมงเข้ามาร่วมทุนทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายจะเปิดอีก 15 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาเปิดประมาณ 9 แห่งแล้ว เช่น เรนฮิลล์สุขุมวิท 47, เดอะพรอเมนาด, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต, แฟซิฟิคพาร์คศรีราชา, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน, แหลมทองชอปปิ้งพลาซ่าระยอง, แหลมทองชอปปิ้งพลาซ่าบางแสน, โรบินสันสระบุรี และโรบินสันบางรัก พื้นที่เฉลี่ย 100-120 ตารางเมตรต่อสาขา ลงทุนเฉลี่ย 10 ล้านบาทต่อสาขา โดยปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ 100 ล้านบาท ส่วนภายในปี 2558 ที่มีครบ 30 สาขาจะมีรายได้ประมาณ 300-400 ล้านบาท และปี 2559 คาดว่าจะเริ่มมีรายได้ 300-500 ล้านบาท ซึ่งรายการอาหารจะเป็นอุด้งที่มีเทมปุระผสม และเมนูอื่น ราคาเฉลี่ย 69-200 กว่าบาท