กทพ.แจ้งดำเนินคดีขบวนรถผู้ชุมนุม กปปส.ใช้ทางด่วนไม่ชำระค่าผ่านทางช่วง ม.ค.-มี.ค. 57 ทั้ง รถยนต์ 4 ล้อ, 6-10 ล้อ และรถจักรยานยนต์ ที่กฎหมายกำหนดห้ามใช้ทางด่วน ชี้ผิดทั้ง พ.ร.บ.จราจร, พ.ร.บ.การทางพิเศษ และกฎหมายอาญา เผยดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ขณะที่ดักยิงขบวน คปท.บนด่วนศรีรัช ตรวจ วงจรปิดไม่พบสิ่งผิดปกติ
นางบุษบา ปทุมมาศ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ.อยู่ระหว่างดำเนินคดีขบวนรถผู้ชุมนุมที่ผ่านทางพิเศษโดยไม่ชำระค่าผ่านทางช่วง Shut Down กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 จนถึงเดือนมีนาคม 2557 ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว โดยปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมนำรถยนต์ 4 ล้อ รถยนต์ 6-10 ล้อขึ้นไป และรถจักรยานยนต์ขึ้นไปใช้บนทางพิเศษโดยผิดกฎหมาย และไม่ชำระค่าผ่านทางพิเศษเกือบทุกวัน
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทางพิเศษ และการนำรถจักรยานยนต์รวมถึงรถประเภทต้องห้ามมิให้ใช้ในทางพิเศษมาใช้บนทางพิเศษเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ พ.ศ. 2555 ข้อ 4 และมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 154 ซึ่งกำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาท พระราชบัญญัติ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย มาตรา 31, 40, 62 และ 63 ที่กำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ซึ่งกำหนดโทษจำคุก ไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 8,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การกระทำดังกล่าวนอกจากเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้บริการทางพิเศษ ซึ่ง กทพ.ได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดโดยการแจ้งความดำเนินคดีและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว
ส่วนกรณีเกิดเหตุซุ่มยิงขบวนของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ระหว่างเดินทางกลับจากเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ มายังเวทีหลักเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บนทางพิเศษศรีรัชบริเวณแจ้งวัฒนะ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 เวลาประมาณ 14.30 น.นั้น กทพ.ได้ดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ผ่านทางกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว ไม่ปรากฏว่าพบสิ่งผิดปกติ