xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจหนีการเมืองป่วนไม่หยุด หอบเงิน 1.2 แสนล้านทิ้งไทยหันลงทุนอาเซียนแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การเมืองป่วน ทำนักธุรกิจหนีไทยหันลงทุนในอาเซียน เผยล่าสุดมี 1,440 ราย เตรียมขนเงิน 1.2 แสนล้านออกไป ระบุหากการเมืองยังยืดเยื้อนักธุรกิจจะหนีไทยมากยิ่งขึ้น ห่วงเปิด AEC สินค้าไทยถูกเวียดนามแย่งตลาด แถมเจอแย่งเงินลงทุนจากต่างชาติด้วย

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเห็นนักธุรกิจในไทยต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองว่า นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่อยู่ในไทยจำนวน 1,440 ราย มีแผนที่จะขยายการลงทุนในประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่า 123,716 ล้านบาท จากเดิมที่มีเพียง 480 ราย มูลค่า 23,423 ล้านบาทที่จะขยายฐานการผลิตในอาเซียน เนื่องจากปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ และหากการเมืองยืดเยื้อไปจนถึงปี 2558 ก็จะมีนักธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 2,800 ราย ที่จะเร่งขยายฐานการผลิตไปเพื่อนบ้านในอัตราก้าวกระโดด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในจำนวนนักธุรกิจที่จะขยายการผลิตไปในอาเซียน 1,440 รายนั้น แยกเป็นการไปลงทุนในอินโดนีเซียมากที่สุด 37,582 ล้านบาท รองลงมาเป็นพม่า 26,251 ล้านบาท เวียดนาม 22,254 ล้านบาท มาเลเซีย 14,522 ล้านบาท สิงคโปร์ 11,933 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่ไปส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ค้าปลีกค้าส่ง การเงินและประกันภัย คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

“เหตุผลที่นักธุรกิจไทยต้องการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอาเซียน เพราะต้องการหาแหล่งการผลิตที่มั่นคงทางการเมืองและมีความพร้อมทางเศรษฐกิจมากกว่าไทยที่มีปัญหาการเมืองยืดเยื้อจนเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงต้องการแหล่งวัตถุดิบที่สามารถลดต้นทุนในการผลิต และต้องการหาค่าจ้างแรงงานที่ถูกกว่า”

นายอัทธ์กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองและความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านของประเทศไทย ศูนย์ฯ ประเมินว่าหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 จะทำให้สินค้าของไทย 23 รายการจากทั้งหมด 96 รายการที่ส่งออกไปตลาดอาเซียนต้องสูญเสียตลาดแก่เวียดนามประมาณปีละ 29,254 ล้านบาท เช่น ข้าว ยาสูบ รองเท้า สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม อาหารทะเลแช่เย็น แช่แข็ง พืชผัก กระดาษ พลาสติกและสารเคมีต่างๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

สาเหตุที่ไทยต้องเสียส่วนแบ่งตลาดแก่เวียดนามคือเรื่องของต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าเวียดนาม 2-3 เท่า เช่น เรื่องของต้นทุนการผลิตของสินค้าเกษตร ค่าแรงขั้นต่ำที่เวียดนามอยู่ที่ 102 บาทต่อวัน แต่ไทยอยู่ที่ 300 บาทต่อวัน ค่าเช่าสำนักงานที่ของไทยเฉลี่ยที่ 825 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน แต่เวียดนามอยู่ที่ 715 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน รวมถึงเรื่องของค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของราคาสินค้าไทยแพงกว่าเวียดนาม และไทยมีปัญหาทางการเมือง และมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลบ่อย

นอกจากนี้ ในอนาคตพบว่าเวียดนามจะแย่งเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากไทยในหลายๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะสิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า เครื่องหนัง อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ประมงแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน อุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์ เหล็ก อัญมณีและเครื่องประดับ กระดาษ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ธุรกิจในโรงพยาบาล เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น