รมว.อุตสาหกรรม พร้อมด้วยปลัด และอธิบดี กรอ. และผู้ว่าการ กนอ.รุดลงพื้นที่ตรวจบ่อขยะไฟไหม้ จ.สมุทรปราการ เผยอาจต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์เพื่อให้เข้าสู่สถานการณ์ปกติ รับมีขยะอุตฯ ปลอมปนแต่ไม่มาก “กรอ.” เร่งสืบค้น ยันเจ้าของบ่อผิดแน่! ถ้าเป็นขยะอันตรายผิดหนักเร่งตรวจสอบสัปดาห์นี้ ส่วนโรงงานต้นตอเจ้าของขยะรับว่าค่อนข้างสืบยาก อนาคตหวังใช้ระบบ RFID คุม “กนอ.” ย้ำดูแลปัญหาขยะในนิคมฯ เข้มงวด
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงการลงพื้นที่เพื่อตรวจกรณีการเกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะที่ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งใกล้กับนิคมฯ บางปู ช่วงบ่ายของวันที่ 18 มี.ค. ร่วมกับนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่า ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานไปหามาตรการป้องกันไม่ให้ขยะอุตสาหกรรมมีการลักลอบทิ้งปนกับขยะทั่วไป ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลาในการสืบสวน หากพบแน่ชัดว่ามีการปะปนขยะอุตสาหกรรมเข้ามากำจัดก็จะต้องดำเนินคดีทั้งโรงงานและผู้ที่เป็นเจ้าของบ่อขยะ
“นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงกรณีดังกล่าวมากได้กำชับให้ดุแลใกล้ชิด ซึ่งพบว่าบ่อนี้มีพื้นที่ 150ไร่ เดิมมีการขุดหน้าดินไปแล้วต่อมาก็มาเช่าเป็้นบ่อขยะชุมชน” นายประเสริฐกล่าว
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดี กรอ. กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าขยะอุตสาหกรรมเข้าไปปลอมปนกับขยะชุมชนแต่เป็นปริมาณที่ไม่มากนักซึ่งทำให้สามารถเอาผิดกับผู้เป็นเจ้าของบ่อขยะดังกล่าวได้ทันที อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบต่อไปว่าขยะดังกล่าวเป็นอันตรายหรือไม่ซึ่งก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายคือโทษสูงสุดจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท แต่ในส่วนของการสืบสวนต่อไปว่าขยะดังกล่าวเป็นของโรงงานใดและใครนำมาทิ้งนั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากโดยเฉพาะยิ่งไฟไหม้ไปแล้ว
“คนมาทิ้งก็มองได้ในแง่ว่าอาจจะเป็นโรงงานนำมาทิ้งกับเทศบาลโดยตรง หรืออาจจะไปจ้างบริษัทรับกำจัดขยะถูกๆ ให้ไปดำเนินการต่อแล้วบริษัทนี้ก็นำไปทิ้งรวมกับขยะชุมชน ในแง่ของการเอาผิดต้นตอว่าเป็นขยะมาจากใครยอมรับว่าค่อนข้างจะยากที่ผ่านมาจึงเอาผิดได้ลำบาก ดังนั้นอนาคตเราจึงอยู่ระหว่างศึกษาที่จะติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นคลื่นวิทยุตรวจจับหรือ RFID และระบบจีพีเอสเข้ากับถังที่เก็บขยะซึ่งหากไม่ขนไปยังปลายทางที่กำหนดจะทราบทันที โดยผลศึกษาจะเสร็จใน 3 เดือนนี้” อธิบดี กรอ.กล่าว
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า บ่อขยะดังกล่าวห่างจากนิคมฯ บางปู 1 กิโลเมตร จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบ่อดินเดิมของเอกชนที่นำขยะชุมชนต่างๆ มาฝังกลบ เข้าใจว่าสภาพอากาศร้อนจึงทำให้เกิดไฟลุกติด และจากสภาพหลุมที่ลึกมากกว่า 10 เมตรและขยะมีมาก จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ที่จะดำเนินการแก้ไขให้กลับสู่ภาวะปกติได้
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นที่สนใจของสาธารณชนว่ามีการปนเปื้อนขยะอุตสาหกรรมไปสู่แหล่งภายนอกหรือไม่นั้น เรื่องนี้ กนอ.ได้ร่วมกับ กรอ.ที่จะดูแลให้โรงงานทั้งหมดนำของเสียเข้าสู่ระบบ คือต้องลงทะเบียนว่ามีของเสียเท่าไร ครอบครองเท่าใด และกำจัดที่ใด โดยโรงงานที่อยู่ในนิคมฯ เข้าข่าย 2,452 โรงงาน มีกากของเสีย 1.4 ล้านตันต่อปี ซึ่งมีการติดตามให้สู่ระบบใกล้ชิดตั้งแต่ เม.ย. 2556 และสุ่มตรวจเป็นระยะ จึงไม่หนักใจปัญหากากอุตสาหกรรม
“เราเป็นห่วงขยะทั่วไปมากกว่า ถ้าจัดการไม่ได้ก็จะเป็นปัญหาแต่ก็ไม่ได้เป็นอัตรายอะไรต่อชีวิต เราตรวจสอบอยู่ถ้าเจอว่าเป็นขยะอุตสาหกรรมจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ตอนนี้พื้นที่ยังเข้าไปตรวจละเอียดไม่ได้เพราะไฟยังไหม้อยู่ ซึ่งวันนี้กระทรวงอุตฯ และ กนอ.ได้ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดด้วยการนำรถดับเพลิง 6 คันมาให้กรณีร้องขอ และรถตรวจเฝ้าระวังคุณภาพอากาศที่นำมาจากมาบตาพุด ชุมชนไหนไม่สบายใจอยากตรวจวัดก็จะไปให้บริการทันที” นายวีรพงศ์กล่าว
