“เซ็นทรัลกรุ๊ป” โหมหนักออนไลน์ปีนี้ หวังเป้ายอดขายผ่านเน็ต 500 ล้านบาทปีนี้ เตรียมดันบีทูเอสเข้าระบบเดือนหน้านี้อีกราย ออฟฟิศเมทเผยปีนี้ลงทุนทั้งกลุ่มกว่าพันล้านบาท ยกพลบุกตลาดเออีซี เล็งเป้า 4 ประเทศหลัก เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และลาว ลุยทุกโมเดล “หน้าร้านรีเทล-แค็ตตาล็อกเซลส์-ออนไลน์” หวังเป้าหมายปีนี้เติบโต 20.5% ทะลุหมื่นล้านบาท
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ หรือ OFMG (Office Mate Group) ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการระหว่างกันเรียบร้อยแล้วทำให้ปีนี้มีความพร้อมในการรุกตลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้เติบโต 20.5% หรือมีรายได้รวมเป็น 10,900 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แแล้วที่มีรายได้รวม 9,120 ล้านบาท เติบโต 27.1% มีกำไร 409 ล้านบาท เติบโต 50.4% จากปีก่อนหน้า
สำหรับแผนลงทุนรวมในประเทศปีนี้มีประมาณ 900-1,000 ล้านบาท แยกเป็น ออฟฟิศเมท 400 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่า 8 แห่งเท่าปีที่แล้วรวม 300 ล้านบาท และงบตลาด 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรวม 40 สาขา สิ้นปีเป็น 48 สาขา ซึ้งปีที่แล้วได้ขยายพื้นที่คลังสินค้าจากเดิม 7,500 ตารางเมตร เป็น 15,000 ตารางเมตรรองรับได้อีก 5 ปี ปีที่แล้วออฟฟิศเมทรายได้ประมาณ 5,400 กว่าล้านบาท
ส่วน บีทูเอส ลงทุน 500 ล้านบาท แยกเป็นเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่า 10 แห่งรวม 300 ล้านบาท และงบตลาด 200 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสาขา 85 แห่ง รายได้บีทูเอสปีที่แล้วประมาณ 3,600 ล้านบาท นอกนั้นก็จะลงทุนในส่วนของคลังสินค้าแห่งใหม่ของเซ็นทรัลออนไลน์โดยเฉพาะ
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดรวมอุปกรณ์สำนักงานในไทยคาดว่าจะมีประมาณ 70,000 ล้านบาท โดยมีการเติบโตเฉลี่ย 10% ในปีที่แล้ว และคาดว่าในปี 2557-2558 ตลาดรวมก็ยังคงเติบโต 10% เพราะการแข่งขันและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนตอนบน ส่งผลให้ต่างชาติต้องขยายฐาธุรกิจเข้ามาในไทยมากขึ้น
ในส่วนตลาดต่างประเทศนั้น ปีนี้จะเข้าไปศึกษาตลาดประเทศในกลุ่มเออีซีอยางจริงจัง เพระเชื่อมั่นว่าหลังจากที่เออีซีเปิดเป็นทางการในปี 2558 จะทำให้ธุรกิจในย่านนี้มีการเติบโตและมีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ส่งผลให้ธุรกิจออฟฟิศซัปพลายเติบโตตามไปด้วย อีกทั้งจะเป็นการขยายตัวของกลุ่มเองเพื่อรองรับกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นด้วยจากต่างชาติ
เบื้องต้นจะขยายธุรกิจของออฟฟิศเมทก่อน โดยให้ความสนใจไปที่ 4 ประเทศหลัก คือ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และลาว จะศึกษาถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการตลาด เพราะแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะนำธุรกิจเต็มรูปแบบเข้าไปลงทุนทั้ง แบบหน้าร้านรีเทล แบบแค็ตตาล็อกเซลส์ และแบบออนไลน์ ส่วนธุรกิจของบีทูเอสนั้น คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก ซึ่งต้องศึกษาในรายละเอียดเช่นกัน เพราะพฤติกรรมการรับสื่อ บันเทิง รวมทั้งภาษาที่ใช้ก็แตกต่างกันด้วยในแต่ละประเทศ
นายอรรณพ บุญทวีพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจออนไลน์ เปิดเผยว่า ปีนี้เซ็นทรัลกรุ๊ปจะรุกตลาดการขายสินค้าออนไลน์เต็มที่หลังจากเริ่มทดลองมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดออนไลน์ที่เติบโตมากยิ่งขึ้น หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางนี้ โดยปีนี้จะมีการลงทุนคลังสินค้าของออนไลน์เองโดยเฉพาะที่บางนาประมาณเดือนสิงหาคมจะเปิดใช้บริการ
ปัจจุบันมีสินค้าและบริการในเครือเซ็นทรัลเข้าสู่ออนไลน์แล้ว เช่น สินค้าของห้างเซ็นทรัล ประมาณ 8 กลุ่ม และสินค้าของเพาเวอร์บาย ในกลุ่มที่มียอดขายดี รวมแล้วประมาณ 12,000 เอสเคยู และล่าสุดเดือนหน้าสินค้าของบีทูเอสก็จะเข้าสู่ระบบออนไลน์ด้วย ซึ่งมียอดสมาชิกที่ใช้บริการประมาณ 40,000 ราย โดยที่ผ่านมาสินค้าขายดีที่สุด 3 กลุ่มแรกคือ ความงาม สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งราคาสินค้าจะไม่แตกต่างกับที่หน้าร้าน แต่จะมีการทำโปรโมชันรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้จากช่องทางออนไลน์ประมาณ 300-500 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มเป็นหลายแสนราย
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ หรือ OFMG (Office Mate Group) ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการระหว่างกันเรียบร้อยแล้วทำให้ปีนี้มีความพร้อมในการรุกตลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้เติบโต 20.5% หรือมีรายได้รวมเป็น 10,900 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แแล้วที่มีรายได้รวม 9,120 ล้านบาท เติบโต 27.1% มีกำไร 409 ล้านบาท เติบโต 50.4% จากปีก่อนหน้า
สำหรับแผนลงทุนรวมในประเทศปีนี้มีประมาณ 900-1,000 ล้านบาท แยกเป็น ออฟฟิศเมท 400 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่า 8 แห่งเท่าปีที่แล้วรวม 300 ล้านบาท และงบตลาด 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรวม 40 สาขา สิ้นปีเป็น 48 สาขา ซึ้งปีที่แล้วได้ขยายพื้นที่คลังสินค้าจากเดิม 7,500 ตารางเมตร เป็น 15,000 ตารางเมตรรองรับได้อีก 5 ปี ปีที่แล้วออฟฟิศเมทรายได้ประมาณ 5,400 กว่าล้านบาท
ส่วน บีทูเอส ลงทุน 500 ล้านบาท แยกเป็นเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่า 10 แห่งรวม 300 ล้านบาท และงบตลาด 200 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสาขา 85 แห่ง รายได้บีทูเอสปีที่แล้วประมาณ 3,600 ล้านบาท นอกนั้นก็จะลงทุนในส่วนของคลังสินค้าแห่งใหม่ของเซ็นทรัลออนไลน์โดยเฉพาะ
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดรวมอุปกรณ์สำนักงานในไทยคาดว่าจะมีประมาณ 70,000 ล้านบาท โดยมีการเติบโตเฉลี่ย 10% ในปีที่แล้ว และคาดว่าในปี 2557-2558 ตลาดรวมก็ยังคงเติบโต 10% เพราะการแข่งขันและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนตอนบน ส่งผลให้ต่างชาติต้องขยายฐาธุรกิจเข้ามาในไทยมากขึ้น
ในส่วนตลาดต่างประเทศนั้น ปีนี้จะเข้าไปศึกษาตลาดประเทศในกลุ่มเออีซีอยางจริงจัง เพระเชื่อมั่นว่าหลังจากที่เออีซีเปิดเป็นทางการในปี 2558 จะทำให้ธุรกิจในย่านนี้มีการเติบโตและมีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ส่งผลให้ธุรกิจออฟฟิศซัปพลายเติบโตตามไปด้วย อีกทั้งจะเป็นการขยายตัวของกลุ่มเองเพื่อรองรับกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นด้วยจากต่างชาติ
เบื้องต้นจะขยายธุรกิจของออฟฟิศเมทก่อน โดยให้ความสนใจไปที่ 4 ประเทศหลัก คือ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และลาว จะศึกษาถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการตลาด เพราะแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะนำธุรกิจเต็มรูปแบบเข้าไปลงทุนทั้ง แบบหน้าร้านรีเทล แบบแค็ตตาล็อกเซลส์ และแบบออนไลน์ ส่วนธุรกิจของบีทูเอสนั้น คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก ซึ่งต้องศึกษาในรายละเอียดเช่นกัน เพราะพฤติกรรมการรับสื่อ บันเทิง รวมทั้งภาษาที่ใช้ก็แตกต่างกันด้วยในแต่ละประเทศ
นายอรรณพ บุญทวีพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจออนไลน์ เปิดเผยว่า ปีนี้เซ็นทรัลกรุ๊ปจะรุกตลาดการขายสินค้าออนไลน์เต็มที่หลังจากเริ่มทดลองมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดออนไลน์ที่เติบโตมากยิ่งขึ้น หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางนี้ โดยปีนี้จะมีการลงทุนคลังสินค้าของออนไลน์เองโดยเฉพาะที่บางนาประมาณเดือนสิงหาคมจะเปิดใช้บริการ
ปัจจุบันมีสินค้าและบริการในเครือเซ็นทรัลเข้าสู่ออนไลน์แล้ว เช่น สินค้าของห้างเซ็นทรัล ประมาณ 8 กลุ่ม และสินค้าของเพาเวอร์บาย ในกลุ่มที่มียอดขายดี รวมแล้วประมาณ 12,000 เอสเคยู และล่าสุดเดือนหน้าสินค้าของบีทูเอสก็จะเข้าสู่ระบบออนไลน์ด้วย ซึ่งมียอดสมาชิกที่ใช้บริการประมาณ 40,000 ราย โดยที่ผ่านมาสินค้าขายดีที่สุด 3 กลุ่มแรกคือ ความงาม สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งราคาสินค้าจะไม่แตกต่างกับที่หน้าร้าน แต่จะมีการทำโปรโมชันรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้จากช่องทางออนไลน์ประมาณ 300-500 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มเป็นหลายแสนราย