xs
xsm
sm
md
lg

กทพ.ทุ่ม 5 หมื่นล้านผุดด่วนบางปะอิน-อยุธยา ปั้นเมืองกรุงเก่าเป็นศูนย์กลางคมนาคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)
กทพ.ศึกษาทางด่วนบางปะอิน-อยุธยา เชื่อมด้านเหนือกรุงเทพฯ คาดวงเงินลงทุน 5 หมื่นล้าน หวังปั้นเมืองกรุงเก่าเป็นศูนย์กลางคมนาคมเชื่อมนิคมอุตสาหกรรม-ทลฉ. รับฟังความเห็นครั้งที่ 1 ชาวบ้านหวั่นผลกระทบโบราณสถาน ด้าน “อัยยณัฐ” เผยพร้อมลงทุนทุกรูปแบบ ทั้งกู้มาก่อสร้างเองหรือร่วมทุนเอกชนขึ้นกับนโยบายพิจารณา

วันนี้ (12 มี.ค.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าฯ กทพ. และนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมเป็นประธาน

นายอัยยณัฐเปิดเผยว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องผลกระทบต่อโบราณสถาน และต้องการให้กำหนดแนวเส้นทางและพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน รวมถึงกำหนดทางขึ้นลงเข้าสู่ชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวที่สะดวก ซึ่ง กทพ.พร้อมรับทุกความเห็นนำไปศึกษาและปรับให้มีความเหมาะสม โดยจะใช้ระยะเวลาศ฿กษาความเหมาะสมรวม 15 เดือน (1 พ.ย. 56-31 ม.ค. 58) ซึ่งจะมีการรับฟังความเห็นอีก 2 ครั้ง

ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยมีค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 20% ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้นจะต้องรอผลการศึกษา รวมถึงขึ้นอยู่กับนโยบายของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลด้วย ซึ่งในส่วนของ กทพ.นั้นมีความพร้อมที่จะลงทุนได้ในหลายรูปแบบ ทั้งการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP), ลงทุนแบบ BTO (Build-Transfer-Operate) คือให้เอกชนหาเงินลงทุนก่อสร้างเสร็จแล้วต้องโอนเป็นของรัฐเมื่อสร้างเสร็จโดยรัฐใช้คืนภายหลัง, ลงทุนแบบเทิร์นคีย์ (จ้างเหมาเบ็ดเสร็จ) ด้วยการจ้างเอกชนก่อสร้างก่อนแล้วภาครัฐผ่อนชำระคืนภายหลังพร้อมดอกเบี้ย), กทพ.ลงทุนเองโดยกู้เงินมาก่อสร้างโครงการ ซึ่งการตัดสินใจเลือกรูปแบบจะขึ้นกับสถานการณ์ในขณะนั้นด้วย

“ทางด่วนสายนี้จะเป็นโครงข่ายเชื่อมด้านเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ กทพ.กำลังศึกษาทางด่วนลงด้านใต้ เชื่อมจากดาวคะนอง-พระราม 2 และด้านตะวันออกคือ ต่อจากทางด่วนบูรพาวิถีไปพัทยา ซึ่งจะเชื่อมเข้าท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ด้วย ดังนั้น หากโครงข่ายเชื่อมต่อกันทั้งหมดจะทำให้การขนส่งสินค้าจาก ทลฉ.ไปยังนิคมอุตสาหกรรมที่อยุธยามีความสะดวกมากขึ้น และจะทำให้อยุธยาเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม ทั้งทางบก ทางรางและทางน้ำอย่างสมบูรณ์” นายอัยยณัฐกล่าว

โดยปัจจุบันปริมาณการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพฯ และอยุธยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และเกิดความแออัดเนื่องจากการขยายตัวของที่อยู่อาศัยและการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ทางหลวงหมายเลข 32 เป็นเส้นทางหลัก ดังนั้น กทพ.จึงวางแผนต่อขยายโครงการทางพิเศษอุดรรัถยาไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 32 บริเวณอำเภอบางปะหัน เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงมีทางเชื่อมต่อไปยังศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ระยะทางรวมประมาณ 35 กม. และได้ผนวกการศีกษาปรับปรุงทางพิเศษอุดรรัถยาช่วงบางพูน-บางไทร ระยะทาง 16 กม.จากที่เป็นทางพิเศษระดับดิน เป็นทางพิเศษยกระดับ เพื่อแก้ปัญหาจราจรหากเกิดอุทกภัยเหมือนปี 2554 ที่ผ่านมา

ในการศึกษาแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงที่ 1 ต่อขยายจากทางพิเศษอุดรรัถยา-ทางหลวงหมายเลข 357 บริเวณศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด มี 2 ทางเลือก คือ 1. เริ่มต้นจากบริเวณถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือบรรจบทางหลวงหมายเลข 357 บริเวณศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด รวมระยะทางประมาณ 8.710 กม. 2. เริ่มต้นจากบริเวณถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือและที่่ กม.3+389.260 จะก่อสร้างทางพิเศษไปเชื่อมต่อกับศูนย์ศิลปาชีพบางไทร หลังจากนั้นข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาและบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 347 บริเวณศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด รวมระยะทางประมาณ 8.840 กม.

ช่วงที่ 2 ต่อจากช่วงที่ 1-ทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอบางปะหัน มี 3 ทางเลือก คือ 1. ต่อเชื่อมจากศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิดก่อสร้างไปตามแนวเขตทางหลวงหมายเลข 347 และก่อนถึงทางแยกต่างระดับบางปะหันประมาณ 2 กม.จะเบี่ยงแนวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และสิ้นสุดโครงการที่จุดเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอทบางปะหัน 2. ต่อเชื่อมจากศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิดมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือและวางแนวขนานด้านซ้ายของทางหลวงหมายเลข 347 และเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3263 และหมายเลข3412 และสิ้นสุดที่ทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอบางปะหัน รวมระยะทางประมาณ 30 กม. และ 3. ต่อเชื่อมจากศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด โดยแนวสายทางจะขนานไปทางด้านขวาของทางหลวงหมายเลข 347 และเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข356 และ 3469 และ 3263 และ 309 และก่อนถึงทางแยกต่างระดับบางปะหันประมาณ 3 กม. แนวสายทางจะเบี่ยงออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และสิ้นสุดสายทางจุดเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอบางปะหัน รวมระยะทางประมาณ 30 กม.
กำลังโหลดความคิดเห็น