นักวิชาการฟันธงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ไม่เกิน 3% หลังการเมืองยืดเยื้อทำนักลงทุนหนีไทย ล่าสุดหอบเงิน 2 แสนล้านเผ่นไปลงทุนในอาเซียนอื่นแล้ว แถมหมดโอกาสเป็นศูนย์กลางเมื่อเปิด AEC ในปี 2558
นายอัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในระดับไม่เกิน 3% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ขยายตัวต่ำสุดในอาเซียนที่คาดว่าจะโตเฉลี่ยที่ 6% เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง ส่งผลให้เงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ประมาณ 2 แสนล้านบาท ที่มีแผนจะลงทุนในไทยต้องชะลอออกไปหรือไปลงทุนยังประเทศอาเซียนอื่นแทน ทำให้ไทยเสียโอกาสในการดึงดูดการลงทุน
ทั้งนี้ เงินลงทุนต่างชาติ 2 แสนล้านบาท บางส่วนได้โยกไปลงทุนในอินโดนีเซีย 1 แสนล้านบาท เวียดนาม 5 หมื่นล้านบาท เมียนมาร์ 2 หมื่นล้านบาท และกัมพูชา 1 หมื่นล้านบาท โดยลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกและค้าส่ง เป็นต้น โดยที่ไปลงทุนในอินโดนีเซียมากที่สุด เพราะต่างชาติมองว่าเป็นตลาดใหญ่ ประชากรเริ่มมีกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ และเสื้อผ้า
“สิ่งที่น่าเป็นห่วง หากสถานการณ์การเมืองในไทยยังคงไม่มีเสถียรภาพจะส่งผลกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของไทยในอาเซียน หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 เพราะนักลงทุนจะไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล และนโยบายของรัฐ โดยมีโอกาสที่จะเสียตำแหน่งให้กับสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอินโดนีเซีย หากมีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคม มีโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางได้ เพราะเป็นตลาดใหญ่ มีกำลังซื้อสูง มีแรงงานมาก” นายอัทธ์กล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ศูนย์ฯ ประเมินว่าปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่สามารถคลี่คลายได้จนถึงขณะนี้จะส่งผลกระทบทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2557 ลงเหลือ 2-3% จากเดิมที่ประเมินว่าจะขยายตัว 3-4% และหากยังมีปัญหาต่อเนื่อง ไม่สามารถหาข้อยุติและตั้งรัฐบาลใหม่ได้ทันในครึ่งปีแรก เศรษฐกิจปีนี้จะไม่ขยายตัวเลย แต่ถ้าเลยไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวติดลบ 1%