“มาสเตอร์แอด หรือมาโค” ปล่อยหมัดฮุกสวนกระแสสื่อป้ายเสื่อม ทุ่ม 500 ล้านบาทเปลี่ยนป้ายเป็นระบบจอแอลอีดี พร้อมเพิ่มพื้นที่สื่อในต่างจังหวัด ชี้เปิดตลาดอาเซียนส่งธุรกิจป้ายรุ่งสุดๆ ชูโมเดลจอยต์พันธมิตรแลกเปลี่ยนการขาย มั่นใจใน 2 ปีรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนปิดที่ 1,200 ล้านบาท
นายนพดล ตันศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่ง 2 เรื่องหลัก คือ 1. รักษารายได้จากโครงการเดิมที่มีอยู่ และ 2. ต่อยอดรายได้จากโครงการเดิม ด้วยการลงทุนเพิ่มเติม และการเพิ่มโลเกชันใหม่ๆ ภายใต้งบการลงทุนเบื้องต้น 500 ล้านบาท เช่น งบ 200 ล้านบาทสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบป้ายตอม่อ BTS ที่ได้สัมปทานมาให้เป็นจอ LED จำนวน 200 จุด จากที่เริ่มไปแล้ว 80 จุด และอีก 200 ล้านบาทสำหรับเพิ่มโลเกชันใหม่ๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ทั้งในรูปแบบเดิมและแบบดิจิตอล รวมถึงจับมือกับพาร์ตเนอร์
“งบลงทุน 500 ล้านบาทนั้นเป็นงบสำหรับแผน 3-5 ปีหลังจากนี้ ซึ่งปีนี้บริษัทมีเงินสดอยู่ 200 ล้านบาท คิดว่าจากแผนที่วางไว้และรายได้ที่เข้ามาจะไม่จำเป็นที่จะต้องออกหุ้นกู้ เนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายจับมือกับพันธมิตรในลักษณะร่วมทุน แต่จะเน้นแลกเปลี่ยนการขายจากสิ่งที่มีอยู่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งโมเดลจะถูกใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่านอกจากจะลดความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้รวดเร็วขึ้น”
พื้นที่สื่อป้ายโฆษณาใหม่ๆ ที่จะเข้าไปรุกในต่างจังหวัดนั้น ต้องการเพิ่มให้ได้ 1.5 หมื่นตารางเมตร จากปัจจุบันรวมแล้วมีพื้นที่สื่อป้ายโฆษณารวมกว่า 80,000 ตารางเมตร เน้นเปิดในหัวเมืองจังหวัดใหญ่ตามทิศทางค้าปลีกที่เข้าไปให้บริการ เนื่องจากสินค้าหลักที่ใช้สื่อป้ายโฆษณาในต่างจังหวัดมากสุดยังเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์ และสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นมีทีมงานต่างประเทศดูแลอยู่แล้ว เชื่อว่ายิ่งเข้าสู่การเปิดตลาดอาเซียนในปี 58 ถือเป็นโอกาสของตลาดป้ายโฆษณา
ส่วนประเทศที่น่าสนใจจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านก่อน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงในอินเดียด้วย ในลักษณะขายไอเดีย เน็ตเวิร์ก และบริหารการขายสื่อป้ายให้ระหว่างพันธมิตรด้วยกัน เชื่อว่าจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาในปี 58 จากที่กำลังเริ่มเจรจาทางธุรกิจกันในปีนี้
นายนพดล กล่าวว่า สื่อป้ายโฆษณาจะขึ้นอยู่กับภาวะทางเศรษฐกิจเป็นหลัก และมั่นใจว่ายังสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีอยู่ หากทำในรูปแบบทูเวย์คอมมูนิเคชัน เช่นเดียวกับทางมาโค ปัจจุบันพบว่าลูกค้ายังอยู่ครบไม่ได้ชะลอการใช้สื่อป้ายและยังคงใช้บริการต่อเนื่อง ซึ่งกว่า 50% เป็นลูกค้าที่ซื้อโฆษณาแบบระยะยาว บวกกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่อยู่ข้างนอกมากกว่าอยู่ที่บ้าน จึงมั่นใจว่าสื่อป้ายโฆษณายังเติบโตได้ดีอยู่ และถึงสิ้นปีนี้บริษัทน่าจะมีรายได้ถึง 1,600 ล้านบาท และในปีหน้าทะลุ 2,000 ล้านบาทได้ จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 1,200 ล้านบาท
นายนพดล ตันศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่ง 2 เรื่องหลัก คือ 1. รักษารายได้จากโครงการเดิมที่มีอยู่ และ 2. ต่อยอดรายได้จากโครงการเดิม ด้วยการลงทุนเพิ่มเติม และการเพิ่มโลเกชันใหม่ๆ ภายใต้งบการลงทุนเบื้องต้น 500 ล้านบาท เช่น งบ 200 ล้านบาทสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบป้ายตอม่อ BTS ที่ได้สัมปทานมาให้เป็นจอ LED จำนวน 200 จุด จากที่เริ่มไปแล้ว 80 จุด และอีก 200 ล้านบาทสำหรับเพิ่มโลเกชันใหม่ๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ทั้งในรูปแบบเดิมและแบบดิจิตอล รวมถึงจับมือกับพาร์ตเนอร์
“งบลงทุน 500 ล้านบาทนั้นเป็นงบสำหรับแผน 3-5 ปีหลังจากนี้ ซึ่งปีนี้บริษัทมีเงินสดอยู่ 200 ล้านบาท คิดว่าจากแผนที่วางไว้และรายได้ที่เข้ามาจะไม่จำเป็นที่จะต้องออกหุ้นกู้ เนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายจับมือกับพันธมิตรในลักษณะร่วมทุน แต่จะเน้นแลกเปลี่ยนการขายจากสิ่งที่มีอยู่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งโมเดลจะถูกใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่านอกจากจะลดความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้รวดเร็วขึ้น”
พื้นที่สื่อป้ายโฆษณาใหม่ๆ ที่จะเข้าไปรุกในต่างจังหวัดนั้น ต้องการเพิ่มให้ได้ 1.5 หมื่นตารางเมตร จากปัจจุบันรวมแล้วมีพื้นที่สื่อป้ายโฆษณารวมกว่า 80,000 ตารางเมตร เน้นเปิดในหัวเมืองจังหวัดใหญ่ตามทิศทางค้าปลีกที่เข้าไปให้บริการ เนื่องจากสินค้าหลักที่ใช้สื่อป้ายโฆษณาในต่างจังหวัดมากสุดยังเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์ และสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นมีทีมงานต่างประเทศดูแลอยู่แล้ว เชื่อว่ายิ่งเข้าสู่การเปิดตลาดอาเซียนในปี 58 ถือเป็นโอกาสของตลาดป้ายโฆษณา
ส่วนประเทศที่น่าสนใจจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านก่อน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงในอินเดียด้วย ในลักษณะขายไอเดีย เน็ตเวิร์ก และบริหารการขายสื่อป้ายให้ระหว่างพันธมิตรด้วยกัน เชื่อว่าจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาในปี 58 จากที่กำลังเริ่มเจรจาทางธุรกิจกันในปีนี้
นายนพดล กล่าวว่า สื่อป้ายโฆษณาจะขึ้นอยู่กับภาวะทางเศรษฐกิจเป็นหลัก และมั่นใจว่ายังสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีอยู่ หากทำในรูปแบบทูเวย์คอมมูนิเคชัน เช่นเดียวกับทางมาโค ปัจจุบันพบว่าลูกค้ายังอยู่ครบไม่ได้ชะลอการใช้สื่อป้ายและยังคงใช้บริการต่อเนื่อง ซึ่งกว่า 50% เป็นลูกค้าที่ซื้อโฆษณาแบบระยะยาว บวกกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่อยู่ข้างนอกมากกว่าอยู่ที่บ้าน จึงมั่นใจว่าสื่อป้ายโฆษณายังเติบโตได้ดีอยู่ และถึงสิ้นปีนี้บริษัทน่าจะมีรายได้ถึง 1,600 ล้านบาท และในปีหน้าทะลุ 2,000 ล้านบาทได้ จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 1,200 ล้านบาท
