“เจ้าสัวนพดล” ฟุ้งกำไรสุทธิปีที่แล้วพุ่ง 24% หลังธุรกิจโฆษณาบูมสุด กวาดพื้นที่เฉลี่ยทั้งปีกว่า 80% มติบอร์ดใจป้ำสั่งจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นงวดครึ่งปีหลัง 56 ใน อัตรา 0.30 บาท/หุ้น รวมทั้งปีจ่ายเงินปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น พร้อมประกาศทุ่มงบ 500 ล้านบาท รุกตลาด AEC ตั้งเป้าสิ้นปีทำรายได้โตไม่ต่ำกว่า 15%
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ แอด หรือ MACO กล่าวว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการ 724.62 ล้านบาท ลดลง 7.77 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขายและการบริการ 732.39 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 173.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 140.18 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/56 (ตุลาคม-ธันวาคม56) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 185.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.03 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้จากการขายและการบริการ 163.22 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 50.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 39.55 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานในปี 56 เป็นปีที่แห่งความสำเร็จของบริษัทฯ โดยสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่ดีในแง่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้มาจากความสามารถในเชิงบริหารพื้นที่สื่อป้ายโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ และความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ป้ายโฆษณาในระยะยาวกับทาง MACO ทำให้การบริการจัดการด้านต้นทุนป้ายโฆษณาของเราอยู่ในระดับเหมาะสม เมื่อยอดการใช้สื่อโฆษณาอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลดีต่อความสามารถในการทำกำไรของเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
ในขณะเดียวกัน ปีนี้บริษัทฯ ได้มีการวางงบลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดสื่อภายนอกที่อยู่อาศัยภายในประเทศ และต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน รองรับโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย หลังแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคจะขยายตัวสูงขึ้น หลังก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 โดยมีเป้าหมายรุกขยายตลาดอาเซียนเฉลี่ยปีละ 2 ประเทศ ซึ่งคาดว่าการรุกตลาดอาเซียน จะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดต่อไปในอนาคต
“ปีนี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี เพื่อรองรับแผนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการรุกธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน และธุรกิจในประเทศ รวมถึงการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อแสวงหาโอกาสไปยังสื่อใหม่ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มยอดอัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาโดยรวม (Occupancy Rate) เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีอัตราเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับ 80% จากพื้นที่สื่อโฆษณาทั้งหมด และผลักดันรายได้ปีนี้เติบโต 15% พร้อมรักษาระดับ gross profit margin ให้มากกว่า 50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างยั่งยืนได้เป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตมาจากความสำเร็จด้านการบริหารพื้นที่สื่อซึ่งยังคงรักษาอัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณา (Occupancy Rate) เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับ 80% ของพื้นที่สื่อโฆษณาทั้งหมด โดยหากแบ่งอัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาจะพบว่า ป้ายโฆษณากลางแจ้ง (Billboard) อยู่ที่ 77% สื่อบริเวณถนน (Street Furniture) อยู่ที่ 83% และสื่อบริเวณสถานีขนส่งและยานพาหนะ (Transit) อยู่ที่ 83%
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง จากผลการดำเนินงานระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2556 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 มีนาคม 2557 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 หลังครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2556) บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินปันผลจากผลการดำเนินงานทั้งปีอยู่ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 150.45 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ 77% ซึ่งสูงกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ ที่ตั้งไว้อยู่ที่ 50% ของกำไรสุทธิ
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น บริษัทฯ มีการเร่งขยายพื้นที่สื่อป้ายโฆษณานอกที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากปัจจุบันที่มีพื้นที่สื่อโฆษณาทั้งหมด 81,647 ตารางเมตร โดยจะติดตั้งป้ายโฆษณาในโครงการ Flyover เฟส 2 ซึ่งเป็นป้ายโฆษณาที่ติดตั้งตามบริเวณสะพานข้ามแยกต่างๆ เพิ่มเป็น 366 ป้าย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 117 ป้าย พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ใช้เน้นการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ป้ายโฆษณาเดิมที่ติดตั้งอยู่ก่อนหน้านี้ โดยจะปรับเปลี่ยนป้ายโฆษณาบิลบอร์ด เป็นป้ายโฆษณาแบบ LED ที่สามารถตอบโจทย์กลยุทธ์ของลูกค้าที่ต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
