xs
xsm
sm
md
lg

ดิจิตอลเร่งตลาดทีวีเดือด “แอนะล็อก” เดี้ยงดัมป์ราคาสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากปรากฏการณ์ดิจิตอลทีวีที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ นอกจากจะทำให้วงการบรอดคาสติ้งร้อนระอุขึ้นมาอย่างมากกับจำนวนช่องดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นใหม่กว่า 24 ช่องแล้วนั้น ในส่วนของตลาดโทรทัศน์ก็ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่รอรับอานิสงส์ให้ตลาดกลับมาเติบโตได้อีกครั้งเช่นกัน หลังจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพบว่าตลาดโทรทัศน์ตกลง 5-10% เนื่องจากผู้บริโภคชะลอแผนการซื้อโทรทัศน์ออกไปก่อนเพื่อรอความชัดเจนจากการเกิดดิจิตอลทีวีจาก “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” (กสทช.) ว่าสุดท้ายแล้วจะต้องจ่ายเงินซื้อโทรทัศน์ในรูปแบบใดจึงจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

จึงไม่ต่างกับเป็นช่วงที่เรียกว่า “สุญญากาศ” นั่นเอง!

• *** “เทสโก้” ครวญทีวียอดขายต่ำสุด *** •
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก “เทสโก้ โลตัส” เปิดเผยว่า หลังการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่ายอดขายรวมของเทสโก้โลตัสยังไปได้ดีอยู่ ส่วนสำคัญมาจากเทสโก้ฯ จำหน่ายแต่สินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

แต่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นกลุ่มสินค้าที่ยอดขายลดลงมากที่สุดโดยเฉพาะ “โทรทัศน์” เนื่องจากรอดูสัญญาณความชัดเจนของการเกิดดิจิตอลทีวีก่อน คาดว่าในช่วงกลางปีน่าจะกลับมาดีอีกครั้งจากการแข่งขันด้านการตลาดของทั้งผู้ประกอบการค้าปลีก ช่องทางจำหน่าย และจากแบรนด์สินค้าโทรทัศน์เอง

• *** “ทีวีแอนะล็อก” มีเหนื่อย สงครามราคากระหน่ำ *** •
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหาร สินค้า POWER MALL บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดรวมโทรทัศน์ในปัจจุบันมีรุ่นที่รองรับสัญญาณดิจิตอลกว่า 40% ของทั้งหมดแล้ว ในสิ้นปีนี้น่าจะมีถึง 50% และมองว่าภายใน 3-5 ปีกลุ่มโทรทัศน์แบบแอนะล็อกจะหมดไป ซึ่งเมื่อเทียบราคากับรุ่นแอนะล็อกแล้ว โทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลจะสูงกว่าเพียง 5-10% เท่านั้น

ทั้งนี้ พบว่าในตลาดรวมโทรทัศน์ กลุ่มโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลมีสัดส่วนยอดขายกว่า 70% ส่วนโทรทัศน์แบบแอนะล็อกอยู่ที่ 30% ซึ่งในส่วนของโทรทัศน์แบบแอนะล็อกนั้น ปีนี้ยังมีความต้องการของตลาดอยู่สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อจอโทรทัศน์รุ่นใหม่มากนัก หรือสำหรับกลุ่มคนที่มีเซตท็อปบ็อกซ์ / กล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีอยู่แล้ว รวมถึงกลุ่มที่รอรับคูปองเพื่อแลกซื้อกล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีจาก กสทช.

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของตลาดมองว่าโทรทัศน์แอนะล็อกซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์รองจะต้องทำการตลาดให้มากขึ้น เพราะตกอยู่ในสภาพที่เป็นรองทั้งแนวโน้มตลาดที่ลดลงและราคาที่ต่ำลงเพื่อระบายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโปรโมชันลดราคาสินค้า หรือการจำหน่ายพ่วงกับกล่องรับสัญญาณดิจิตอล เป็นต้น

สำหรับในส่วนของเพาเวอร์มอลล์ กลุ่มโทรทัศน์ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์หลักและสินค้ากว่า 70% เป็นรุ่นที่รองรับสัญญาณดิจิตอลได้อยู่แล้ว ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเพาเวอร์มอลล์มียอดขายโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลกว่า 80% จากยอดขายโทรทัศน์ทั้งหมด จึงไม่มีปัญหาในการจำหน่ายมากนัก และเชื่อว่าจากปัจจัยบวกกับการแพร่ภาพดิจิตอลทีวีในช่วงเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ รวมถึงเป็นช่วงเวลาของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ด้วยแล้วจะทำให้ยอดขายโทรทัศน์เติบโตขึ้น 30% นับตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไปถึงสิ้นปีมั่นใจว่าจะทำให้เพาเวอร์มอลล์เติบโตตามแผนที่วางไว้

“ปัจจุบันลูกค้ายังไม่เข้าใจถึงประโยชน์ของดิจิตอลทีวีมากนัก จึงยังทำให้ตลาดโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลยังไม่ขยับมากนัก และหลังเดือน เม.ย. รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ที่มากขึ้นตามมาน่าจะทำให้ตลาดโทรทัศน์กลับมาเติบโตที่ 15% ในปีนี้ จากเดิมที่ยอดขายโทรทัศน์ถือเป็นสัดส่วนหลักด้วยส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 20-25% ของตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ปัจจุบันตกมาอยู่ที่อันดับ 2 ด้วยสัดส่วนที่ 10-15% โดยสินค้าอันดับหนึ่งคือโทรศัพท์มือถือที่มีสัดส่วนกว่า 40% ขณะที่อันดับสามคือคอมพิวเตอร์” นายจักรกฤษณ์กล่าว

ด้าน นางสอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป กล่าวว่า สำหรับเพาเวอร์บายปัจจุบันมีโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลอยู่ราว 40% หลังจากที่เริ่มประชาสัมพันธ์และทำตลาดมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ปัจจุบันยอดขายจากโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลอยู่ที่ 50% เท่ากับรุ่นเดิม

ส่วนโทรทัศน์ในรุ่นเดิมนั้นขณะนี้มีสต๊อกเหลือน้อยมาก หลังจากที่เริ่มทำโปรโมชันส่งเสริมการขายมาตลอดปีที่ผ่านมา และหยุดสั่งสินค้าเดิมมาเน้นโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลเป็นหลักทำให้บริษัทไม่มีปัญหาการขาย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังเดือน เม.ย.เป็นต้นไปยอดขายโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลจะสูงมาก หรือทั้งปีน่าจะส่งให้ตลาดรวมโทรทัศน์เติบโตได้ 15% โดยในกลุ่มโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณดิจิตอลจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากการเกิดดิจิตอลทีวีและการแข่งขันฟุตบอลโลก

• *** “แอลจี” ตบเท้าส่ง 42 รุ่นรับดิจิตอลทีวีบูม *** •

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าตกลงต่อเนื่องปีละ 5-10% โดยมีสาเหตุหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงเรื่องของดิจิตอลทีวีที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่ชะลอออกไปก่อน โดยยังเชื่อปีนี้ตลาดโทรทัศน์จะกลับมาเติบโตได้ 5-10% อีกครั้ง หรือมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2.7-2.8 ล้านเครื่อง ขณะที่ในเชิงมูลค่าคาดว่าจะไม่เติบโตเพราะราคาเครื่องรับที่ลดลง 10% เช่น ขนาด 32 นิ้ว จากเดิมที่อยู่ที่ประมาณ 12,900 บาท จะลดลงเหลือ 11,000 บาท

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตได้นั้นมาจาก 2 ข้อหลัก คือ 1. ความชัดเจนในการแพร่ภาพดิจิตอลทีวีหลังเดือน เม.ย.เป็นต้นไป แม้จะเป็นแค่เฟสแรกที่จะแพร่ภาพใน 4 จังหวัดหลักอย่าง กรุงเทพฯ สงขลา นครราชสีมา เชียงใหม่ ก็ตาม 2. การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้ จึงเชื่อว่าจะทำให้เกิดการเลือกซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ค่อนข้างสูงเพื่อรองรับดิจิตอลทีวี และเพิ่มอรรถรสในการชมการแข่งขันฟุตบอลโลก

ในส่วนของแอลจีปีนี้ได้เตรียมโทรทัศน์ที่รองรับดิจิตอลทีวีเป็น 42 รุ่น ตั้งแต่ขนาด 32-105 นิ้ว จากปัจจุบันที่มีจำหน่ายอยู่ 15 รุ่น โดยขนาดที่ต่ำกว่า 30 นิ้วเจาะตลาดล่าง ขนาด 32-42 นิ้วเจาะตลาดกลาง และขนาด 47 นิ้วขึ้นไปเจาะตลาดบน มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะมีรายได้จากกลุ่มโทรทัศน์กว่า 9,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 25% อยู่ในอันดับ 2 ของตลาดรองจากซัมซุง จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 21%.


กำลังโหลดความคิดเห็น