อาเซียนเดินหน้าขยายความร่วมมือหลังเปิด AEC ปี 58 หวังให้เข้มข้นมากขึ้น พร้อมสั่งเร่งเจรจา RCEP เขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดให้เสร็จพร้อม AEC เผยล่าสุด AEC คืบหน้า 79% สิงคโปร์นำโด่ง ไทยรอง เตรียมชงรัฐมนตรีอาเซียนเร่งรัดอีกครั้ง 26-27 ก.พ.นี้ ไทยยันอาเซียนการเมืองภายในไม่กระทบการเจรจา
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) ที่ประเทศเมียนมาร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือประเด็นด้านเศรษฐกิจที่อาเซียนจะให้ความสำคัญในปี 2557 โดยเมียนมาร์ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้เห็นว่าจะให้ความสำคัญต่อเรื่องการพัฒนา SME การให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการดำเนินการหลังปี 2558 ซึ่งขณะนี้อาเซียนได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออกทำการศึกษาว่าอาเซียนหลังจากเป็น AEC แล้ว ควรจะมีทิศทางความร่วมมือกันต่อไปอย่างไร เพื่อให้อาเซียนมีความร่วมมือแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ อาเซียนยังได้เร่งรัดให้มีการเจรจาจัดทำความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หรืออาเซียน+6 ให้บรรลุผลการเจรจาในปี 2558 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับการเปิด AEC เพื่อผลักดันให้เป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูงและครอบคลุมประชากรกว่า 3 พันล้านคนบนโลก รวมทั้งจะมีการเจรจายกระดับการเปิดเสรีภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน การเริ่มเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง เพื่อใช้ฮ่องกงเป็นประตูการค้าของอาเซียนสู่จีน รวมทั้งจะมีการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการเจรจาการค้าเสรีกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียนด้วย
นายสมเกียรติกล่าวว่า อาเซียนยังได้มีการติดตามความคืบหน้า AEC โดยพบว่ามีความคืบหน้าพอสมควร ซึ่งการวัดผลล่าสุดอาเซียนดำเนินการตามแผนได้ 79.43% โดยสิงคโปร์มีความคืบหน้ามากที่สุด รองลงมาคือ ไทย ส่วนประเทศอาเซียนอีก 8 ประเทศมีความคืบหน้าไม่ต่างกันมาก
สำหรับมาตรการที่อาเซียนยังดำเนินการได้ล่าช้าและมาตรการที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 เช่น การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง การจัดทำความตกลงยอมรับร่วมด้านมาตรฐานและความสอดคล้องสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป และยังจะต้องเจรจาจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่ 10 ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายให้แล้วเสร็จด้วย
ส่วนการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ในวันที่ 26-27 ก.พ. 2557 จะมีการหารือแนวทางการดำเนินงานหลังอาเซียนเป็น AEC และการติดตามความคืบหน้าการยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของแต่ละประเทศที่จะนำมาเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อผลักดันให้ยกเลิกและไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำการค้าระหว่างกัน
นายสมเกียรติกล่าวเสริมว่า กรณีสถานการณ์ทางการเมืองในไทย สมาชิกอาเซียนได้สอบถามและแสดงความห่วงใย ซึ่งไทยได้แจ้งว่า ไทยยังสามารถหารือร่วมกับประเทศสมาชิกและคู่เจรจาได้ แต่ยังไม่สามารถลงนามเอกสารทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้ และเมื่อไทยตั้งรัฐบาลได้แล้วจะดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจของไทยลงนามในเอกสารในโอกาสต่อไป ซึ่งไม่เพียงแค่ไทยที่ไม่อาจลงนามเอกสารทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ ยังมีอินโดนีเซียที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดีในเดือน เม.ย.และ ก.ค. 2557 ทำให้การลงนามเอกสารต่างๆ จึงต้องเป็นการลงนามในลักษณะเวียน ประเทศใดพร้อมก็ลงนามก่อน
สำหรับเอกสารที่มีกำหนดจะลงนามในปีนี้ที่สำคัญ เช่น พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ 9 และข้อผูกพันเปิดตลาด ชุดที่ 9 พิธีสารเพื่อปรับปรุง/แก้ไขข้อบทของความตกลงด้านการลงทุนและตารางข้อสงวน ความตกลงการค้าบริการและการลงทุนอาเซียน-อินเดีย เป็นต้น