ขสมก.ดันจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คัน เร่งรีบแก้ TOR ปรับสเปกรถร้อนใหม่แต่ยังเอื้อค่ายรถญี่ปุ่นตัดเรื่องความสูง 70 ซม.หนีน้ำท่วม กำหนดเทคนิคมุมองศาไม่น้อยกว่า 9.2 องศาแทน โดยแก้รถแอร์ให้เหมือนกันด้วยเพื่อไม่ให้ถูกครหา ผู้ผลิตรถท้วงทำไม่ได้จริงเหตุสเปกดังกล่าวยิ่งบังคับให้ซื้อรถแชสซีส์สูงทั้งรถแอร์-ร้อน มึน ขสมก.ไม่มีความรู้ได้อย่างไร ด้านอนุฯ ป.ป.ช.นัดประชุมด่วน ชี้โครงการไม่โปร่งใส ส่วน ขสมก.ไม่สน ยันเปิดวิจารณ์ครั้งสุดท้าย ปลาย ก.พ.เปิดประมูล
นายนเรศ บุญเปี่ยม รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร รักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่าง TOR โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงเป็นก๊าซธรรมชาติ (NGV) จํานวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท เปิดเผยว่า ได้ประกาศร่าง TOR ประกวดราคาจัดซื้อรถเมล์ NGV ลงเว็บไซต์ ครั้งที่ 6 แล้วเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ และกำหนดรับความเห็นถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยได้มีการปรับแก้ TOR รถธรรมดาโดยเพิ่มข้อกำหนดที่ต้องจัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ ซึ่งจะจัดเป็นทางลาดก็ได้หรือเป็นลิฟต์ยกก็ได้ หากครบกำหนดรับฟังความเห็นแล้ว ยังมีการแสดงความเห็นในประเด็นเดิมอีกในเรื่องความสูงของรถเมล์ธรรมดา ก็จะไม่มีการแก้ไขใดๆ แล้ว เพราะจะยิ่งทำให้โครงการไม่เดินหน้าเสียที และจากการนำรถชานต่ำไปทดสอบพบว่ารถชานต่ำไม่สามารถวิ่งได้ทุกพื้นที่ หากจะดันทุรังซื้อรถชานต่ำมาทั้งหมดแล้วมาวิ่งให้บริการไม่ได้ ตนในฐานะประธานร่างทีโออาร์จะต้องโดนสอบอย่างแน่นอน ส่วนข้อเสนอที่ว่าให้ซื้อรถเมล์ปรับอากาศที่ไม่มีปัญหาก่อน โดยไม่ต้องรอซื้อพร้อมกับรถธรรมดานั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ผิดระเบียบพัสดุ เพราะโครงการนี้ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินมาคราวเดียว หากแยกประมูลจะมีความผิดฐานแบ่งซื้อแบ่งจ้างตนก็มีสิทธิ์ติดคุกได้
ทั้งนี้ หากไม่มีข้อเสนออื่นใดจะมีการประกาศร่าง TOR ผ่านเว็บเป็นครั้งที่ 7 ในช่วงวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ เพื่อยืนยันร่างTOR จากนั้นจะเปิดขายเอกสารประกวดราคาคาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ กำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาภายในเดือนมีนาคม และภายใน 30 วันนับจากยื่นซองเอกชนจะต้องทำรถตัวอย่างมาให้ทดสอบขับและทดสอบวิ่งตามน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่กำหนดเป็นระยะเวลา 10 วันติดต่อกันก่อนทำการพิจารณาคัดเลือก ถ้าเป็นไปตามแผนงานคาดว่าในเดือน ขสมก.จะได้รับมอบรถล็อตแรกในเดือนธันวาคม 2557
นายอรุณ ลีธนาโชต ผู้จัดการโรงงาน บริษัท ธนบุรี บัส บอดี้ จำกัด กล่าวว่า TOR จัดซื้อรถเมล์ NGV ที่ ขสมก.ประกาศลงเว็บครั้งที่ 6 มีการปรับปรุงคุณสมบัติรถหลายอย่างที่ทางเทคนิคทำไม่ได้จึงน่าสงสัยมาก โดยเฉพาะคุณสมบัติรถปรับอากาศ ข้อ1.5 (หน้า 29) และคุณสมบัติรถธรรมดา ข้อ 1.5 (หน้า 35) ที่กำหนดรถโดยสารจะต้องออกแบบให้สามารถวิ่งบริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามสภาพของถนนและสะพานในปัจจุบันได้ดี โดยเมื่อมีการบรรทุกเต็มอัตราบรรทุกต้องไม่มีส่วนใดของตัวรถเว้นแต่ยางของรถสัมผัสหรือกระแทกกับพื้นถนนหรือพื้นสะพานในขณะวิ่งใช้งาน โดยรถต้องมีมุมเงย (Approach angle) มุมจาก (Departure angle) และมุมคร่อม (Breakover angle) แต่ละมุมไม่น้อยกว่า 9.2 องศา
ซึ่งโดยปกติทั่วไปมุมเงยและมุมจากของรถยนต์โดยสารมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 8-10 องศา ส่วนมุมคร่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยสองอย่าง คือ 1. ระยะห่างระหว่างศูนย์กลางล้อหน้าถึงศูนย์กลางล้อหลัง (Wheel base) ถ้าระยะ wheel base 5.53 เมตร จะได้มุมคร่อม 8.2 องศา แต่ถ้าระยะ wheel base 6.1 เมตร จะได้มุมคร่อม 7.5 องศา
2. ชนิดของแชสซีส์ แบบ Laden frame (แชสซีส์ทรงสูงหรือแชสซีส์รถบรรทุก) ความสูงของแชสซีส์ประมาณ 60-80 เซนติเมตร เมื่อนำมาต่อเป็นรถโดยสารพื้นห้องโดยสารจะสูงตามแชสซีส์ ต้องมีบันไดอย่างน้อย 2-3 ขั้น และแชสซีส์แบบ Drop frame เป็นแชสซีส์สำหรับประกอบรถยนต์โดยสารกรณีที่ทำเป็นรถโดยสารไร้บันได และมีทางลาดเอียงสำหรับคนพิการถูกต้องตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก ส่วนต่ำสุดของโครงแชสซีส์จะอยู่ห่างจากถนนประมาณ 30 เซนติเมตร ถ้าระยะ wheel base 6.1 เมตร จะได้มุมคร่อมประมาณ 6 องศา
ดังนั้น การกำหนดให้มุมคร่อมต้องไม่น้อยกว่า 9.2 องศาของรถธรรมดา จึงไม่แตกต่างจากการกำหนดเดิมที่ให้รถสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีน้ำท่วม 70 เซนติเมตร และการที่กำหนดให้ต้องมีมุมเงย มุมจาก และมุมคร่อม ไม่น้อยกว่า 9.2 องศา ทั้งรถปรับอากาศ และรถธรรมดา เป็นการจงใจเอื้อประโยชน์ให้บริษัทญี่ปุ่นเพียงรายเดียวที่จะใช้แชสซีส์ทรงสูงเข้าประกวดราคารถธรรมดาได้ โดยลืมนึกหรือไม่มีความรู้เพียงพอว่ารถโดยสารปรับอากาศ Low floor (ไม่มีบันได) มุมคร่อมมากที่สุดไม่เกิน 6 องศา การกำหนดรถแอร์ไม่น้อยกว่า 9.2 องศา ไม่มีบันไดหรือเป็นทางลาด จะไม่มีใครยื่นประมูลได้เพราะไม่มีรายไหนทำได้ตามสเปกนี้ เนื่องจากพื้นรถจะสูงถึง 50 เซนติเมตร
ส่วนราคากลางรถธรรมดาที่ 3.8 ล้านบาท/คัน ซึ่ง ขสมก.อ้างมาตลอดว่าไม่พอสำหรับจัดซื้อรถชานต่ำไร้บันไดนั้น ข้อเท็จจริงรถธรรมดามีผลต่างราคากลางกับรถปรับอากาศ (4.5 ล้านบาท) ที่ 700,000 บาท เทียบต้นทุนตามร่าง TOR ครั้งที่ 6 คือ 1. ถ้าเป็นแชสซีส์ Low floor เหมือนกันทั้งคู่ รถปรับอากาศใช้ระบบถ่ายทอดกำลังอัตโนมัติ ราคาแพงกว่าประมาณ 200,000 บาท 2. เครื่องปรับอากาศราคาพร้อมติดตั้งประมาณ 350,000 บาท 3. รายละเอียดปลีกย่อยของตัวถังรถปรับอากาศที่แพงกว่า เช่น กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า กระจกข้างเป็นกระจกนิรภัยบานทึบ ฉนวนความร้อนรอบคัน ท่อแอร์ ฯลฯ รวมแล้วประมาณ 100,000 บาท รวมผลต่างประมาณ 650,000 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กรณี ขสมก.นำรถปรับอากาศ Low Floor มาทดสอบโดยนัดคนพิการมาร่วมด้วย แต่ได้ใส่ถุงทรายเข้าไปในรถด้วยพอวิ่งไปเพียงเล็กน้อยถุงลมระบบรองรับน้ำหนักแตกนั้น สาเหตุที่แท้จริงคือ ขสมก.ไม่มีความจริงใจ จงใจปรับแรงดันถุงลมระบบรองรับน้ำหนักให้อ่อน หวังเพียงเพื่อให้การทดสอบไม่ผ่าน ซึ่งโดยปกติแล้วรถที่มีระบบรองรับน้ำหนักเป็นถุงลมการใช้งานต้องปรับแรงดันลมในถุงลมให้แชสซีส์มีความสูงตามมาตรฐานของผู้ผลิต แรงดันในถุงลมจะปรับอัตโนมัติไม่ว่าจะบรรทุกหนักหรือน้อยเพื่อให้ระดับตัวถังรถคงที่ การปรับตั้งให้แรงดันในถุงลมต่ำมากเพื่อให้ตัวรถเตี้ยลงเพื่อไม่ผ่านการทดสอบ ส่วนกรณีสะพานที่มีปัญหาบางจุดเป็นหน้าที่ของภาครัฐต้องปรับเปลี่ยนให้ได้มาตรฐาน ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมควรผลักดัน ถ้าปัญหาเพียงเท่านี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ อย่าได้ฝันไปถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านเลย
ด้านนายไพโรจน์ วงศ์วิภานันท์ ประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดเฝ้าระวังโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คันของ ขสมก. กล่าวว่า คณะอนุฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลรายละเอียด TOR และจะหารือกันในสัปดาห์หน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการตรวจสอบประเด็นราคากลางแล้วพบว่าสูงเกินจริง อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีความไม่โปร่งใสหลายเรื่อง และ ขสมก.ยังไม่สามารถชี้แจงได้ การเร่งรัดเปิดประมูลจึงไม่เหมาะสม