“กกร.” หารือผลกระทบการเมืองผวายืดเยื้อ 6 เดือนฉุดจีดีพีวูบ 1.2 แสนล้านบาท แต่หากนานกว่านี้จะฉุดให้จีดีพีลดลง 2% วูบถึง 2.4 แสนล้านบาท วอน กกต.อนุมัติบีโอไอส่งเสริมลงทุนได้
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบทางการเมืองต่อระบบเศรษฐกิจ โดยหากยืดเยื้อใน 6 เดือนจะกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีให้ลดลง 1% มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท แต่หากยืดเยื้อยาวกว่านี้จะกระทบให้ลดลง 2% มูลค่า 2.4 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจีดีพีทั้งปีจะเติบโตได้ 5-6%
ทั้งนี้ จากการประเมินพบว่าธุรกิจที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบมากที่สุดคือธุรกิจขนาดเล็กหรือรายจิ๋วเพราะกลุ่มนี้เน้นจำหน่ายในประเทศที่มีสัญญาณการบริโภคลดลงชัดเจน ดังนั้น กกร.จึงหารือได้ข้อสรุปว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือที่หลากหลาย เช่น ให้ความรู้ พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต ส.อ.ท.มีการเปิดสายด่วนเพื่อรับเรื่องร้องเรียนโดยตรง นอกจากนี้จะประสานกับธนาคารในการให้ความช่วยเหลือผ่อนปรนให้แก่ธุรกิจที่กำลังเกิดผลกระทบ หากปัญหาสภาพคล่องมาจากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก” นายพยุงศักดิ์กล่าว
“ขณะนี้การขาดคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอที่หมดอายุลงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และปัจจุบันสำนักงานบีโอไออยู่ระหว่างยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.พิจารณาว่าบีโอไอสามารถตั้งบอร์ดบีโอไอเพื่ออนุมัติลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบงานประจำได้หรือไม่ ดังนั้น อยากให้ กกต.เร่งเพราะล่าสุดตัวเลขตั้งโรงงานชะลอตัวลงแล้วถือเป็นสัญญาณไม่ดีนัก” นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าแต่ละเขตจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเชื่อว่าจะกระทบต่อภาคการบริโภค และการส่งออกที่ลดลง เพราะขาดความเชื่อมั่นทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจหรือย้ายประเทศลงทุนไปยังประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานใกล้เคียงกับไทย ดังนั้นปัญหาขัดแย้งจึงควรยุติ เพราะปัจจุบันไทยไม่มีบอร์ดบีโอไอในการอนุมัติโครงการซึ่งสาเหตุหลักมาจากการยุบสภา ขณะที่บอร์ดชุดใหม่ยังไม่มีการแต่งตั้งหลังจากหมดวาระเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
