ASTVผู้จัดการรายวัน - ธุรกิจเพลงถดถอย “อาร์เอส” ปักธงธุรกิจมีเดีย หัวหอกหลักสร้างรายได้กว่า 90% ใน 2-3 ปีข้างหน้า ส่งรายได้รวมปีนี้ทะลุ 5,000 ล้านบาท โตสูงสุดตั้งแต่ดำเนินการมา เตรียมผุดกล่องเวิลด์คัพเพิ่มอีก 2 เดือนข้างหน้า ฟาก “แกรมมี่” ฝากรายได้หลักไว้กับมีเดียและบรอดคาสติ้งอีกรายด้วย 2 ช่องดิจิตอลทีวีใหม่ พร้อมลุยแพลตฟอร์มจีเอ็มเอ็มต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือ “พีเอสไอ” จับพรีเมียร์ลีกดูดคอบอลพรีเมียมแมสเพิ่ม
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2557 ถือเป็นปีที่ท้าทาย จากอดีตภาพของอาร์เอสจะเป็นค่ายเพลง แต่ 3-4 ปีที่ผ่านมาเข้าสู่สื่อทีวี สร้างสื่อของตัวเองจนมีความแข็งแกร่ง บวกกับปีนี้ได้นำช่อง 8 เข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิตอลทีวี จึงมั่นใจว่าทุกธุรกิจในเครือปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
แม้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงในสถานการณ์ที่การเมืองไม่นิ่ง อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีเวนต์และกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาบ้าง แต่ทางบริษัทก็มีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เชื่อว่าทั้งปีนี้บริษัทจะมีรายได้เติบโตกว่า 43% สูงสุดตั้งแต่ดำเนินการมา หรือมีรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาทได้
ปีนี้อาร์เอสวางกลยุทธ์เป็น Media Revolutionist 2014 สอดรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค มี 3 ธุรกิจหลักคือ มีเดีย เพลง และโชว์บิซ โดยกลุ่มมีเดียประกอบด้วย ดิจิตอลทีวี ทีวีดาวเทียม และวิทยุ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 3,650 ล้านบาท สัดส่วน 73% ส่วนธุรกิจเพลงคาดมีรายได้ 650 ล้านบาท สัดส่วน 13% และธุรกิจโชว์บิซรายได้ 700 ล้านบาท สัดส่วน 14% ด้วยการพัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ เข้าถึงง่าย หลากหลาย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และซินเนอร์ยีกันระหว่างกลุ่มธุรกิจทั้งคอนเทนต์ และมีเดีย
ด้านนางสาวพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะมีคอนเทนต์ที่สำคัญอยู่ 3 ตัวคือ 1.ช่อง 8 จากการที่นำเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิตอลทีวี และจะเริ่มออกอากาศภายในเดือน เม.ย.นี้ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 850 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนในแพลตฟอร์มแซตเทิลไลต์ทีวีกว่า 70% ทำกำไรตั้งแต่ปีแรกที่ 80 ล้านบาท ราคาโฆษณา 1.6 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาทต่อนาที ลงทุนด้านคอนเทนต์ใหม่กว่า 300 ล้านบาท
2.ช่อง 2 สตาร์แม็กซ์ รองรับทาร์เกตที่รองมาจากช่อง 8 และอยู่แพลตฟอร์มแซตเทิลไลต์ทีวี 3.ฟุตบอลโลก 2014 ที่อาร์เอสยังคงยืนยันที่จะถ่ายทอดสดในฟรีทีวีเพียง 22 คู่ ในช่อง 7 และช่อง 8 และหากต้องการชมทุกการแข่งขัน สามารถรับชมได้ทางช่องเวิลด์คัพ โดยจะเป็นการเปิดตัวกล่องรุ่นใหม่ออกมา
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ในปีนี้จนถึงปีหน้าเชื่อว่าธุรกิจเพลงจะเติบโตลดลงอย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ของตลาด ขณะที่กลุ่มมิวสิกสตรีมมิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นเติบโต ส่วนโชว์บิซนั้นบริษัทวางแผนจัดคอนเสิร์ต 6-7 งานใกล้เคียงกับปีก่อน ส่งผลให้ธุรกิจมีเดียจะเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้หลังจากนี้
ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจมีเดียจะเพิ่มเป็น 90% ขณะที่ธุรกิจเพลง บริษัทยังคงให้ความสำคัญอยู่ แม้ว่าสัดส่วนรายได้จะลดลงก็ตามเพราะเป็นธุรกิจต้นน้ำและยังต้องสร้างคอนเทนต์ป้อนให้ช่องแซตเทิลไลต์ทีวีต่อไป
*** “แกรมมี่” ควง “พีเอสไอ” จับพรีเมียมแมส ***
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจหลังเข้าสู่ยุคดิจิตอลทีวีนี้ รายได้หลักจะมาจากธุรกิจมีเดียและบรอดคาสติ้งเป็นหลัก โดยเชื่อว่าช่องดิจิตอลทีวีทั้ง 2 ช่อง คือ ช่องวาไรตี เอชดี และเอสดี ของแกรมมี่จะทำกำไรได้ในช่วงปีแรกๆ จากแผนการลงทุนเบื้องต้นเตรียมงบลงทุนผลิตคอนเทนต์ทั้ง 2 ช่องประมาณ 1,000 ล้านบาท
โดยช่องเอชดีจะนำทีวีดาวเทียมช่อง ONE มาออกอากาศบนแพลตฟอร์มดิจิตอลทีวี ส่วนช่องวาไรตีเอสดีอยู่ระหว่างการพัฒนาช่องใหม่ จากปัจจุบันแกรมมี่เป็นเจ้าของทีวีดาวเทียมอีก 8 ช่อง และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม “จีเอ็มเอ็ม แซท” กว่า 2 ล้านกล่อง ปีนี้วางเป้าหมายยอดขายเพิ่มอีก 1 ล้านกล่อง พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจเพย์ทีวีในเฟสที่ 2
ล่าสุดในส่วนของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท เทรดดิ้ง จำกัด หรือ GMM Z ได้จับมือกับทาง บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หรือ CTH เปิดแพกเกจ CTHZ Premier League+ HD (ซีทีเอชแซท พรีเมียร์ลีก พลัส เอชดี) บุกตลาดพรีเมียมแมส
นายเดียว วรตั้งตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มงานแพลตฟอร์ม แอนด์ สปอนเซอร์ชิป บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้จับมือกับซีทีเอช ด้วยการเปิดตัวแพกเกจใหม่ ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้ชมได้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมด้วยการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกไม่ต่ำกว่า 1,000 แมตช์ตลอดปี เช่น บุนเดสลีกาเยอรมัน, ลีกเอิงฝรั่งเศส, สกายเบ็ท แชมเปียนชิป ของอังกฤษ, บราซิเลียนลีก, เจลีกญี่ปุ่น ลีกอันดับหนึ่งของเอเชีย, เอเรดิวิซีลีกของฮอลแลนด์, แคปิตอล วัน คัพ รวมถึงการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2016 ซึ่งจะเปิดฉากฟาดแข้งรอบคัดเลือกในเดือนกันยายน ศกนี้
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดการแข่งขันมวยปล้ำ WWE รวมทั้งหนัง ซีรีส์ สารคดี การ์ตูน เพลง อีกกว่า 270 ช่อง และช่องรายการในระดับ HD อีกกว่า 20 ช่อง โดยแพกเกจซีทีเอชแซท พรีเมียร์ลีก พลัส เอชดี สามารถชมได้ผ่านทางกล่องทีวีดาวเทียมจีเอ็มเอ็มแซท กับความคมชัดระดับเอชดี เริ่มรับชมได้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.ศกนี้
สำหรับแพกเกจ “ซีทีเอชแซท พรีเมียร์ลีก เอชดี” จะมีบริการในกล่อง จีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี ทุกรุ่น และล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัวกล่องเอชดี รุ่นใหม่คือ จีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี ไลต์ ราคา 1,590 บาท อีกกล่องด้วย ซึ่งรับชมได้กว่า270ช่อง และเป็นเอชดี 20 ช่อง โดยลููกค้าที่มีกล่องของจีเอ็มเอ็มแซทอยู่แล้ว สามารถซื้อ แพคเกจ ซีทีเอช แซท พรีเมียร์ลีก พลัส เอชดี ได้เดือนละ 999 บาท รับชมในระบบเอชดี ได้ทางกล่องเอชดี และเอชดีไลต์
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มงานแพลตฟอร์ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า แผนการขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซทในปีนึ้ตั้งเป้ายอดขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี 1-5 ล้านกล่อง โดยมาจากรุ่นจีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี ไลต์ 1 ล้านกล่อง โดยหวังแรงผลักจากกสทช.กับการใช้คูปองมาแลกซื้อกล่องของทางจีเอ็มเอ็มแซทเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง จึงน่าจะขายได้กว่า 5 ล้านกล่อง จากเดิมในปีที่ผ่านมามีฐานกว่า 2ล้านกล่องในตลาด
ส่วนสมาชิกที่จะรับชมแพกเกจพรีเมียร์ลีกนั้นปีนี้ตั้งเป้า 4 แสนสมาชิก และกว่า 25-50% หรือราว 1-2 แสนสมาชิกมาจากแพกเกจ ซีทีเอช พรีเมียร์ลีก พลัส เอชดี จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกแบบตอบรับสมาชิกรวมทุกแพกเกจอยู่แล้ว 1 แสนสมาชิก โดยในแง่รายได้นั้น เชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นเท่าตัวแบ่งเป็นรายได้จากการขายกล่อง และแพกเกจขายแบบตอบรับสมาชิก 50% เท่าๆกัน จากปีก่อนปิดรายได้ใกล้เคียง 1,000 ล้านบาท