ปตท.เผยการชุมนุมกลุ่ม กปปส.ฉุดยอดขายน้ำมันเบนซินในเขตกรุงเทพฯ วูบ 7% แต่ดีเซลคงที่ เหตุปิดปั๊มบางจุด ชี้หากยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อยอดขายน้ำมันในไตรมาส 1 แน่ แต่ไม่กระทบแผนลงทุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในไทยและอาเซียนใน 5 ปีนี้
นายสรัญ รังคศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่การชุมนุมกลุ่ม กปปส.ได้มีการประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯนั้น ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันของ ปตท.ในเขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะเบนซินปรับลดลงไปแล้ว 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยอดขายน้ำมันดีเซลคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาพรวมยอดขายน้ำมัน ปตท.ทั้งประเทศไม่ลดลง เนื่องจากมีการใช้น้ำมันดีเซลในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซัน และมีผลิตผลทางการเกษตร ทำให้ยอดใช้น้ำมันและก๊าซฯ เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ปตท.ยังคงปิดปั๊มน้ำมันอันเนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมกลุ่ม กปปส. 4 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปั๊มก๊าซเอ็นจีวี 10 แห่ง เนื่องจากติดปัญหาการขนส่งน้ำมันและก๊าซฯ ไม่สามารถขนส่งน้ำมันผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมได้ อีกทั้งไม่มีรถยนต์เข้าไปใช้บริการในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ดังนั้น หากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อออกไปคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายน้ำมันของ ปตท.ในไตรมาส 1/2557 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยประเมินว่ายอดขายน้ำมันเบนซินจะลดลง แต่ดีเซลไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ใช้ในภาคการขนส่ง ปัจจุบัน ปตท.มียอดขายน้ำมันเบนซินเฉลี่ยวันละ 20 ล้านลิตร
นายสรัญกล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในไทยและอาเซียนของ ปตท.แต่อย่างใด เนื่องจากแผนลงทุนดังกล่าวเป็นแผนระยะยาว ส่วนเหตุการณ์การเมืองในขณะนี้เกิดขึ้นระยะสั้น
ทั้งนี้ ปตท.มีแผนลงทุนในช่วง 5 ปี (2556-2560) จะใช้เงินลงทุน 77 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแผนลงทุนเดิมช่วงปี 2555-2559 ใช้เงินลงทุน 53 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.7 พันล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปั๊มน้ำมันในภูมิภาคอาเซียนให้ครบ 300 ปั๊มในปี 2560 จากปัจจุบันมีอยู่ 88 ปั๊ม
โดยในปี 2558 ปตท.จะมีปั๊มน้ำมันในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเป็น 31 ปั๊มจากปัจจุบัน 15 ปั๊ม ในลาว 40 ปั๊มจาก 20 ปั๊ม เมียนมาร์ 18 ปั๊มจาก 1 ปั๊ม และฟิลิปปินส์ 108 ปั๊มจาก 54 ปั๊ม โดยตั้งเป้าหมายเป็นผู้ค้าน้ำมันที่มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศนั้นๆ เว้น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่ ปตท..ไม่ได้เข้าไปรุกธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
ปัจจุบันการใช้น้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านยังต่ำมาก เช่น เมียนมาร์ใช้น้ำมันอยู่ 38 ลิตร/คน/ปี กัมพูชา 140 ลิตร/คน/ปี และไทย 700 ลิตร/คน/ปี
