ASTVผู้จัดการรายวัน - “อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป” เดินหน้ารุกตลาดโลกและขยายฐานการผลิตต่างประเทศทั้งจีน และอินเดีย ดันรายได้ปีหน้าโตอีก 10% จากรายได้รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท แย้มจ่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ กลางปี 2557
นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EPG) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และฉนวนยางกันความร้อนรายใหญ่ระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางตำแหน่งองค์กรให้เป็น Creative Innovation Organization หรือองค์กรแห่งนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ทั้งด้านการผลิตและการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ โดยปีหน้าบริษัทฯ จะเน้นทำตลาดในกลุ่มอาเซียน และกลุ่มอาเซียนบวก 6 ที่มีตลาดกว่า 3,400 ล้านคน พร้อมทั้งขยายฐานการผลิตไปประเทศต่างๆ อีกกว่า 10 แห่ง ทั้งในตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ อย่างอินเดีย เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ และพลาสติก
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3/2557 โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
ซึ่งปัจจุบัน EPG มีกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ บริษัท แอร์โรแฟลกซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฉนวนยาง มีศูนย์การผลิตอยู่ในประเทศไทย จีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และเยอรมนี มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และอิตาลี บริษัทฯ มีเป้าหมายจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยจะเจาะตลาดตะวันออกกลาง และอินเดียเพิ่มขึ้น
บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ผู้ผลิตพื้นปูกระบะและชิ้นส่วนยานยนต์ มีศูนย์กระจายสินค้าในสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ครองตลาดอันดับ 1 ของโลก และมีแผนขยายตลาดจีนเพิ่มขึ้น บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่มและอาหาร ครองตลาดอันดับ 1 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อีพีจี อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด ศูนย์รวมการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมที่ได้รับมาตรฐานสากลเพื่อใช้ในการทดลองผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทในกลุ่มและทั่วไป ล่าสุดทาง EPG เตรียมทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างสรรค์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จากยางอันดับโลก ได้แก่ บริษัท โตไก อีสเทิร์น รับเบอร์ จำกัด และบริษัท ซีออน แอดว๊านซ์ โพลิมิกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิต และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 100 แห่งทั่วโลก คิดเป็นรายได้รวมในปีนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีหน้ารายได้จะเพิ่มขึ้นอีก 10%
