xs
xsm
sm
md
lg

ทำใจ! ค่าไฟจ่อขยับ 10 สต./หน่วยรับปีใหม่ รอลุ้น “เรกูเลเตอร์” เคาะตัวเลข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรกูเลเตอร์เตรียมเช็กต้นทุนผลิตไฟฟ้าก่อนเคาะค่า Ft งวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 57) ยอมรับบาทอ่อน 1 บาทต่อเหรียญมีผลต่อ Ft ถึง 6 สตางค์ต่อหน่วย “กฟผ.” ส่งซิกขยับกว่า 10 สตางค์ต่อหน่วยแต่ต้องรอให้ “เรกูเลเตอร์” ชี้ขาด เผยงวดที่ผ่านมา กฟผ.ยังแบกรับอยู่ 2.91 สตางค์ต่อหน่วย เตือนอนาคตถ่านหินไม่เกิดรับเละค่าไฟขึ้นสูง

นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ภายในกลางเดือน ธ.ค.นี้จะมีการพิจารณาถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเพื่อสรุปตัวเลขก่อนที่จะนำมาคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ Ft ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนรอบใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 57) โดยเฉพาะ 2 ปัจจัยหลักที่จะมีผลให้ค่าไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงคือราคาก๊าซธรรมชาติ และค่าเงินบาท ซึ่งยอมรับว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐอเมริกามีผลกระทบต่อต้นทุนค่า Ft สูงถึง 6 สตางค์ต่อหน่วย

“ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตัวเลขจะเป็นอย่างไรเพราะคงจะต้องดูหลายปัจจัยทั้งราคาก๊าซฯ ค่าเงินบาท ภาระอื่นๆ ที่มีอยู่ และมีเงินชดเชยอื่นๆ เหลือพอมาดูแลบ้างหรือไม่ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นหากขึ้นก็ต้องดูว่าอัตราใดที่จะเหมาะสมไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนต่อเศรษฐกิจมากไป” นายดิเรกกล่าว

แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ค่า Ft ในงวด ม.ค.-เม.ย. 57 มีทิศทางปรับขึ้นประมาณกว่า 10 สตางค์ต่อหน่วยจากปัจจัยราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเล็กน้อย ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจากเดิมงวดที่แล้วใช้ฐานการคำนวณที่ 31.24 บาทต่อเหรียญ แต่ล่าสุดค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 32 บาทกว่าต่อเหรียญ ประกอบกับค่า Ft งวดที่ผ่านมา (ก.ย.-ธ.ค. 56) เรกูเลเตอร์ให้ กฟผ.แบกรับภาระไว้อีก 2.91 สตางค์ต่อหน่วย

“ค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค. 56 ควรจะต้องขึ้น 14.18 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อลดภาระประชาชนเรกูเลเตอร์จึงนำเงินชดเชยจากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าขนอมและเงินค่าปรับโรงไฟฟ้าเอกชนจำนวน 2,247 ล้านบาท คิดเป็น 4.91 สตางค์ต่อหน่วย และให้ กฟผ.รับภาระ 1,566 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.91 สตางค์ต่อหน่วย จึงทำให้ Ft ปรับขึ้นเพียง 7.08 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งคงจะต้องดูว่างวดหน้าทางเรกูเลเตอร์จะให้ กฟผ.แบกรับภาระอีกหรือไม่อย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทิศทางค่าไฟฟ้าแนวโน้มจากปี 2557 หากพิจารณาจากปัจจัยเชื้อเพลิงแล้วต้องยอมรับว่าไทยจะต้องทยอยใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีนำเข้ามากขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งสัดส่วนที่ใช้มากจะมีผลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นเนื่องจากแอลเอ็นจีขณะนี้ราคาสูงถึงกว่า 15 เหรียญต่อล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีฉบับใหม่ที่กำลังปรับปรุงจึงพยายามใช้ถ่านหินมาเป็นตัวกระจายความเสี่ยงเชื้อเพลิงและความมั่นคงมากขึ้นเพื่อรักษาระดับค่า Ft ไม่ให้สูงเกินไป

“เราเองต้องยอมรับว่าการส่งเสริมพลังงานทดแทนก็มีต้นทุนค่าไฟที่สูงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเนเปียร์ พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือโซลาร์รูฟทอป แต่สิ่งเหล่านี้ก็ต้องทำไป แต่ถ่านหินน่าจะเป็นทางออกของไทยในช่วง 10-20 ปีข้างหน้านี้ หากไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามแผนค่าไฟไทยจะสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การซื้อไฟต่างประเทศมากไปก็เสี่ยงต่อความมั่นคง” แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น