ASTVผู้จัดการรายวัน- “พงษ์ศักดิ์”ชงแผนพีดีพีฉบับใหม่เข้ากพช.เดือนธ.ค.นี้ปรับลดการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซฯผลิตไฟเหลือ35-40% ดึงถ่านหิน-พลังงานทดแทนเข้าเสริมเพื่อรักษาระดับค่าไฟฟ้าฐานสิ้นสุดตามแผนไม่ให้เกิน 5 บาทต่อหน่วย พร้อมเพิ่มสำรองเป็น 20-25% รับกรณีฉุกเฉิน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายในธ.ค.นี้จะเสนอแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือPDP 2013 ปรับปรุงจากแผนเดิม พ.ศ.2556-2573 เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งแผนใหม่ที่ปรับจะดูแลเชื้อเพลิงเพื่อไม่ให้กระทบค่าไฟฟ้าฐาน จากแผนเดิมที่เฉลี่ยจะอยู่ 5บาทต่อหน่วยในช่วงปลายแผน
ทั้งนี้พิจารณาจากจำนวนโรงไฟฟ้าที่ต้องปลดออกจากระบบตลอดแผนพีดีพี มีจำนวน13,000 เมกะวัตต์ จะจัดหาเชื้อเพลิงที่มาทดแทนให้เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพียง 6,500 เมกะวัตต์ และอีก 6,500เมกะวัตต์จะเลือกใช้พลังงานชนิดอื่น เช่น พลังงานน้ำ ถ่านหิน นิวเคลียร์ และการซื้อไฟฟ้าต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเหลือ 35-40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 67%
“การใช้เชื้อเพลิงประเภทถ่านหินจะเพิ่มสัดส่วน ให้เป็น 30% จากปัจจุบันที่ใช้ถ่านหินและลิกไนต์อยู่ 20% แต่โรงไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมากตามเพราะอาจเลือกซื้อไฟจากถ่านหินในต่างประเทศเข้ามาแทน เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินในนิคมทวายที่จะเกิดขึ้น 1,800 เมกะวัตต์ แต่จะยังไม่มีการระบุที่มาของแหล่งไฟฟ้าชัดเจนเนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการดำเนินการอยู่
นอกจากนี้ยังมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) พลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ ซึ่งยืนยันว่าการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยาจะไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20-25% จากแผนพีดีพีเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 15% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงกรณีที่ท่อก๊าซฯเส้นใดเส้นหนึ่งต้องหยุดจ่ายเข้าระบบ จะต้องไม่มีผลกระทบต่อกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ขณะเดียวกันได้ยกตัวเอย่างกรณีเกิดวิกฤตการจัดส่งไฟฟ้าจากประเทศลาว ที่ไทยมีสัญญาอยู่ 7000
เมกะวัตต์ เกิดปัญหาล้มลงไปไม่สามารถจ่ายไฟฟ้ามาฝั่งไทยได้ ก็ต้องมีสำรองไว้
“เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นเกิดอุบัติเหตุจนต้องสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมด แต่ญี่ปุ่นยังมีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ เนื่องจากมีการกำหนดสำรองไฟฟ้าไว้ถึง 50% ขณะเดียวกันจะต้องมีการจัดระเบียบโรงไฟฟ้าสำรองที่กำหนดไว้จะต้องสออคล้องกับระบบสายส่งและชนิดของเชื้อเพลิงที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะมีการชี้แจงในรายละเอียดต่อไป”รมว.พลังงานกล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายในธ.ค.นี้จะเสนอแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือPDP 2013 ปรับปรุงจากแผนเดิม พ.ศ.2556-2573 เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งแผนใหม่ที่ปรับจะดูแลเชื้อเพลิงเพื่อไม่ให้กระทบค่าไฟฟ้าฐาน จากแผนเดิมที่เฉลี่ยจะอยู่ 5บาทต่อหน่วยในช่วงปลายแผน
ทั้งนี้พิจารณาจากจำนวนโรงไฟฟ้าที่ต้องปลดออกจากระบบตลอดแผนพีดีพี มีจำนวน13,000 เมกะวัตต์ จะจัดหาเชื้อเพลิงที่มาทดแทนให้เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพียง 6,500 เมกะวัตต์ และอีก 6,500เมกะวัตต์จะเลือกใช้พลังงานชนิดอื่น เช่น พลังงานน้ำ ถ่านหิน นิวเคลียร์ และการซื้อไฟฟ้าต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเหลือ 35-40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 67%
“การใช้เชื้อเพลิงประเภทถ่านหินจะเพิ่มสัดส่วน ให้เป็น 30% จากปัจจุบันที่ใช้ถ่านหินและลิกไนต์อยู่ 20% แต่โรงไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมากตามเพราะอาจเลือกซื้อไฟจากถ่านหินในต่างประเทศเข้ามาแทน เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินในนิคมทวายที่จะเกิดขึ้น 1,800 เมกะวัตต์ แต่จะยังไม่มีการระบุที่มาของแหล่งไฟฟ้าชัดเจนเนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการดำเนินการอยู่
นอกจากนี้ยังมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) พลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ ซึ่งยืนยันว่าการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยาจะไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20-25% จากแผนพีดีพีเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 15% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงกรณีที่ท่อก๊าซฯเส้นใดเส้นหนึ่งต้องหยุดจ่ายเข้าระบบ จะต้องไม่มีผลกระทบต่อกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ขณะเดียวกันได้ยกตัวเอย่างกรณีเกิดวิกฤตการจัดส่งไฟฟ้าจากประเทศลาว ที่ไทยมีสัญญาอยู่ 7000
เมกะวัตต์ เกิดปัญหาล้มลงไปไม่สามารถจ่ายไฟฟ้ามาฝั่งไทยได้ ก็ต้องมีสำรองไว้
“เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นเกิดอุบัติเหตุจนต้องสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมด แต่ญี่ปุ่นยังมีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ เนื่องจากมีการกำหนดสำรองไฟฟ้าไว้ถึง 50% ขณะเดียวกันจะต้องมีการจัดระเบียบโรงไฟฟ้าสำรองที่กำหนดไว้จะต้องสออคล้องกับระบบสายส่งและชนิดของเชื้อเพลิงที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะมีการชี้แจงในรายละเอียดต่อไป”รมว.พลังงานกล่าว
