ป.ป.ช.บุก อคส.ขอหลักฐานขนข้าวขายจีทูจี เผยขอมา 5 เดือนไม่ยอมส่งให้ ยันถ้าเอกสารหลักฐานเพียงพอสรุปผลได้เร็วๆ นี้ใครร่วมโกงบ้าง “ชนุตร์ปกรณ์” ปัดเพิ่งมารับตำแหน่ง ด้าน “ยรรยง” สั่งให้ข้อมูลเต็มที่ แต่ไม่วายอัด ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลมากเกินไปทำให้ผู้ถูกสอบเสียหาย และอาจเปิดช่องให้ผู้ถูกสอบที่ไม่สุจริตหาทางปกป้องตนเองให้พ้นผิดได้
นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.ได้มารับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของกระทรวงพาณิชย์ ที่พรรคฝ่ายค้านร้องเรียน ป.ป.ช.ว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยเอกสารที่มารับจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นใบขนย้ายข้าวในสต๊อกรัฐออกจากโกดังกลาง ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ขอจาก อคส.มาแล้วกว่า 5 เดือนแต่ยังไม่ได้จัดส่งให้ โดยอ้างว่ากำลังรวบรวมเอกสารอยู่
ทั้งนี้ อคส.ระบุว่าการขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลชุดนี้ให้แก่รัฐวิสาหกิจจีนมีการขนข้าวออกจากโกดังทั่วประเทศ 180 ครั้ง ซึ่ง ป.ป.ช.ได้สุ่มตรวจใบขนย้ายจากโกดังทั่วประเทศ 34 แห่ง แต่ก่อนหน้านี้ อคส.ได้จัดส่งให้แล้ว 7 แห่ง และครั้งนี้ได้ส่งให้เพิ่มอีก 10 แห่ง รวม 17 แห่ง ส่วนที่เหลือคาดจะส่งให้ในเร็วๆ นี้
“การตรวจสอบใบขนย้ายเพื่อให้รู้เส้นทางของข้าวที่กระทรวงพาณิชย์บอกว่าขายจีทูจีให้กับรัฐวิสากิจของจีนนั้นขายให้จริงหรือไม่ ได้มีการขนข้าวออกจากโกดังเพื่อส่งออกให้จีนจริงหรือไม่ หรือมีการนำข้าวมาวนขายในประเทศหรือไม่ รวมทั้งให้รู้เส้นทางของเงินที่นำมาซื้อข้าวว่ามาจากไหน ซึ่งเมื่อได้เอกสารครบถ้วนแล้ว ต่อไปจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของโกดังที่ อคส.ขนข้าวออก หัวหน้าคลังสินค้าของ อคส.ที่ดูแลโกดังนั้น เป็นต้น มาให้ปากคำ”
นายวิทยากล่าวว่า การตรวจสอบคดีนี้จะสรุปผลได้เมื่อไรคงต้องขึ้นอยู่กับเอกสาร และพยานบุคคลที่ตรวจสอบเพิ่มเติม หากมีเอกสารและพยานเพียงพอก็จะชี้มูลได้ในเร็วๆ นี้ โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายมีการทุจริตจริง ป.ป.ช.จะแจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ หากเป็นข้าราชการประจำจะแจ้งต้นสังกัดให้พิจารณาเอาผิดทางวินัย และฟ้องศาลฎีกาให้เอาผิดทางอาญาด้วย และหากเป็นข้าราชการการเมือง จะแจ้งความดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการ อคส.กล่าวว่า ได้ชี้แจง ป.ป.ช.ว่าพร้อมให้ความร่วมมือ และสั่งการให้รองผู้อำนวยการ อคส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดส่งเอกสารให้ ป.ป.ช.ตามที่ได้ขอมา อย่างไรก็ตาม ตนเพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น กรณีที่ ป.ป.ช.ระบุว่าได้ขอข้อมูลมาแล้ว 5 เดือนแต่ อคส.ยังไม่ได้ส่งให้นั้นไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตนเป็นผู้อำนวยการ อีกทั้งตนไม่ได้ดูแลสัญญาขายข้าวจีทูจีในล็อตดังกล่าว และที่ผ่านมา อคส.มุ่งทำตามนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ทำให้ต้องใช้บุคคลจำนวนมาก จึงอาจจัดส่งเอกสารให้ล่าช้า ส่วนการสอบสวนจะเป็นอย่างไร คงต้องรอ ป.ป.ช.
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ ป.ป.ช.ระบุจะเรียกข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวจีทูจีให้รัฐวิสาหกิจไปสอบปากคำเพิ่มเติม และขอเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมว่า กรมฯ ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่มาโดยตลอด ไม่ได้ปิดบังอยู่แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ให้ความร่วมมือดีเช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่าการขายข้าวจีทูจีให้จีนดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส
ด้านนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และ อคส.ให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช.ตามที่ขอมา และต้องพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้ ป.ป.ช. และสาธารณชนเข้าใจ เพราะประเด็นที่มีการตรวจสอบเรื่องวิธีการขายข้าวจีทูจีนั้นมีหลายวิธี ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง โดยการขายข้าวจีทูจีไม่ใช่เป็นการขายข้าวจากรัฐบาลผู้ขายให้รัฐบาลผู้ซื้อแบบเดียว แต่มีหลายแบบ เช่น มีการขายหน้าคลังสินค้า โดยผู้ซื้อต้องหาผู้ปรับปรุงคุณภาพ และส่งมอบเอง หรือการขายแบบ ณ ท่าเรือ (เอฟโอบี) คือผู้ขายจะจัดหาผู้ปรับปรุงและรับผิดชอบการจัดส่งให้ผู้ซื้อจนถึงท่าเรือ หรือการขายแบบซีไอเอฟ ที่ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบข้าวจนถึงปลายทาง ส่วนระยะเวลาในการส่งมอบ ถ้าสั่งซื้อมาก 1-2 ล้านตันก็ต้องให้เวลาในการรับมอบข้าวนาน เช่น 5 ปี
“ผมมองว่ากระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ขณะนี้เป็นการแบไต๋มากเกินไป เพราะจะทำให้ผู้ถูกสอบเสียหายโดยที่ ป.ป.ช.ยังไม่สรุปว่ามีความผิดจริง ดังนั้น ป.ป.ช.ควรสรุปให้เสร็จก่อนไม่ใช่เปิดเผยเลย เพราะถ้าผู้ถูกสอบเป็นคนไม่สุจริตก็จะหาวิธีปกป้องตนเองเพื่อให้รอดพ้นได้”