xs
xsm
sm
md
lg

“มิยาบิ” ลดเสี่ยงปิ้งย่างแข่งดุ สยายปีกเจแปนฟูดครบวงจร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เตชิต  หร่มระฤก (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิยาบิ กริลล์ จำกัด
“มิยาบิกรุ๊ป” สยายปีกอาหารญี่ปุ่น ลุยเซ็กเม้นต์ใหม่ทั้งร่วมทุน ซื้อแฟรนไชส์ แตกไลน์ปิ้งย่าง สู่ ราเมน ซูชิ ของว่าง ปีหน้าทุ่มอีก 300 ล้านบาท ขยายอีกรวมไม่ต่ำกว่า 8 แบรนด์ 40 สาขา หวังดันรายได้ทะยาน 3,000 ล้านบาทในอีก 3 ปี

นายเตชิต หร่มระฤก กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิยาบิ กริลล์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ปิ้งย่างภายใต้แบรนด์มิยาบิ และมิยาบิ ไคเต็น และโจเซน เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะดำเนินธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้นด้วยงบลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีกกว่า 30-40 สาขา เพื่อขยายฐานธุรกิจร้านอาหารประเภทญี่ปุ่นให้ครอบคลุมตลาดมากยิ่งขึ้นทั้งจากแบรนด์เก่าที่มีอยู่และการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่มีทั้งการร่วมทุ นการซื้อลิขสิทธิ์ เข้ามาดำเนินการทั้งประเภท ของว่าง ซูชิ ราเมน เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย นอกเหนือจากประเภทปิ้งย่างที่มีอยู่แล้ว คาดว่าปีหน้าจะมีทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 8 แบรนด์

เนื่องจากตลาดประเภทปิ้งย่างยนั้น แม้เป็นตลาดที่ใหญ่แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันรุนแรง จากมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 4,200 ล้านบาท ซึ่งมิยาบิกรุ๊ปมีแชร์ 15% และตลาดรวมเติบโตมากกว่า 15% ซึ่งส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มากอยู่แล้ว เช่น ปีหน้าจะมีแบรนด์ใหม่ โจโจเอ็น ที่ทางกลุ่มร้านอาหารฟูจิจะนำเข้ามาเปิดบริการ เป็นต้น ซึ่งในภาพรวมแล้ว ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เข้ามาในไทยจำนวนมากหลายแบรนด์ตอนนี้ก็ยังถือว่าน้อยมากคิดเป็นประมาณ 5% จกจำนวนทั้งหมดที่มีเปิดบริการในโตเกียวก็มีมากกว่า 88,000 ร้านค้าแล้ว

สำหรับมิยาบิกรุ๊ปคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสาขาเปิดบริการรวมกันประมาณ 38 สาขา แบ่งเป็นร้าน โจเซน ยากินิคุ แอนด์ บาร์ 3 สาขา, ร้านมิยาบิ 16 สาขา ร้านมิยาบิไคเต็น 18 สาขา และร้านวาบิซาบิ 1 สาขาซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่จะเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์กลางเดือนหน้า ซึ่งโดยรวมแล้วปีนี้บริษัทฯเปิดสาขาใหม่พลาดเป้าไปเล็กน้อยจากเดิมที่คาดว่าจะมี 42 สาขา แต่เป็นเพราะศูนย์การค้ามีการเลื่อนเปิดบริการและบางสาขาก็ได้รับการส่งมอบพื้นที่ช้ากว่าเดิม ส่งผลต่อยอดรายได้ที่ขาดหายไปประมาณ 100 ล้านบาทด้วย ขณะที่ทำเลที่บริษัทฯให้ความสำคัญในการขยายสาขาคือ ต่างจังหวัด เนื่องจากยังเป็นตลาดที่กว้างและมีผู้ประกอบการน้อยราย โดยจะเน้นหัวเมืองใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยว แต่ก็ยังเปิดตลาดในกรุงเทพต่อไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการช่วงสามไตรมาสปีนี้ยังคงมียอดขายรวม 370 ล้านบาท เติบโต 250% และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมกว่า 500 ล้านบาท เติบโต 300% เพราะการขยายสาขาใหม่ๆและการทำตลาดต่อเนื่อง
ส่วนปีหน้าบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวม 1,200-1,300 ล้านบาท เติบโต 250% และคาดว่าจะเติบโต 100% ในปี 2558 และมั่นใจว่าภายในอีก 3 ปีจากนี้จะมียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น