“มิยาบิกรุ๊ป” วางแผนลุย คาด 5 ปี ทะลุ 120 สาขา งบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท เล็งเข้า“มิยาบิกรุ๊ป” วางแผนลุย คาด 5 ปีทะลุ 120 สาขา งบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท เล็งเข้าตลาดหุ้น คาด 2 ปีนี้โหมหนักขยายเชิงกว้างคือสาขา และเชิงลึกคือแบรนด์ใหม่ จ่อขายแฟรนไชส์ปีหน้า ชี้ตลาดรวมปิ้งย่างปีนี้แข่งหนักขึ้นอีก
นายเตชิต หร่มระฤก กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิยาบิ กริลล์ จำกัด ผู้ประกอบการร้านอาหารปิ้งย่างเชนมิยาบิของคนไทย เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะรุกหนักอีกในช่วง 1-2 ปีนี้เพื่อวางรากฐานของธุรกิจมิยาบิให้แข็งแกร่ง ทั้งในเชิงกว้างคือการขยายสาขา และเชิงแนวลึกคือขยายฐานทุกกลุ่ม โดยคาดว่าภายในช่วง 5 ปีจากนี้จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาทขยายให้ครบ 120 สาขา ขยายครัวกลาง และการตลาด คาดมีรายได้รวม 3,500 ล้านบาท และมีแผนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
โดยปีนี้กับปีหน้าจะใช้งบลงทุนปีละ 300 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีก 30 สาขาต่อปีในทุกแบรนด์รวมกัน หลังจากนั้นจะขยายเฉลี่ย 10 สาขาต่อปี ลงทุนปีละ 100 กว่าล้านบาท และปีหน้าเตรียมที่จะเปิดขายแฟรนไชส์ด้วย เริ่มที่แบรนด์ร้านมิยาบิไคเตนที่เป็นไฟติ้งแบรนด์เปิดในไฮเปอร์มาร์เกตเป็นหลัก เงื่อนไขเบื้องต้นคือ สัญญา 12 ปี ลงทุน 10 ล้านบาทโดยเฉลี่ย พื้นที่ 200 ตารางเมตร
ปัจจุบันมีร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นรวม 4 แบรนด์ในเครือรวม 18 สาขา คาดว่าภายในสิ้นปีนี้หลังจากขยายสาขาครบ 30 แห่งจะมีรวมเป็นดังนี้ คือ 1. มิยาบิไคเตน จับกลุ่มล่างเป็นบุฟเฟต์ ราคา 300 บาทต่อคน จะมี 18 สาขาสิ้นปีนี้ 2. ร้านมิยาบิ ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า จับกลุ่มระดับกลาง เป็นบุฟเฟต์ ราคา 390 บาทต่อคน จะมี 19 สาขาในสิ้นปีนี้ 3. ร้านโจเซน จับกลุ่มระดับกลาง เป็นบุฟเฟต์ มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขายด้วย ราคา 500 บาทต่อคน และ 4. ร้านวาบิซาบิ จับกลุ่มระดับบน เป็นอาหารตามสั่ง จะเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ในส่วนต่อขยายด้านหน้าประมาณสิ้นปีนี้ และปีหน้าเตรียมเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ด้วย
ปีนี้ยังลงทุนอีก 50 ล้านบาทสร้างครัวกลางที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน คาดแล้วเสร็จสมบูรณ์ต้นปีหน้า ขณะนี้เปิดใช้งานแล้วในเฟสที่ 1 ขณะนี้มีศูนย์กระจายสินค้าอยู่ 3 แห่งคือ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น นอกจากนั้น ปีนี้ยังใช้งบตลาดอีก 50 ล้านบาท ทำการตลาดทุกรูปแบบ และเปิดตัวหนังโฆษณาเรื่องใหม่ โดยดึง “เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ” ดาราวัยรุ่น มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก ซึ่งในวงการอาหารปิ้งย่างนี้ยังไม่เคยมีใครใช้พรีเซ็นเตอร์เลย
“เราทำธุรกิจมานาน 5 ปี เริ่มสาขาแรกที่สยามสแควร์ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการแตกแบรนด์ใหม่ด้วย พยายามสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เรานำเข้าอาหารจากต่างประเทศกว่า 95% และเราตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งเพื่อดึงลูกค้า รวมทั้งแตกแบรนด์เพื่อขยายฐานเชิงลึกจับได้ทุกกลุ่ม ทำให้ปีที่แล้วเติบโต 150% ส่วนไตรมาสแรกปีนี้เติบโต 220% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และปีนี้คาดหวังว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ทำได้ 180 ล้านบาท” นายเตชิตกล่าว
นายเตชิตยังกล่าวถึงตลาดรวมอาหารปิ้งย่างด้วยว่า เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างดีและได้รับความนิยมในตลาดผู้บริโภคอย่างมาก มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ปีนี้ตลาดยังคงแข่งขันรุนแรงจากผู้ประกอบการจำนวนมากที่เป็นเชนและไม่ได้เป็นเชน สาเหตุที่ตลาดเติบโตดีเฉลี่ย 10% ต่อปีเพราะว่าความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การบริโภคและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ชอบวัฒนธรรมการกินอาหารปิ้งย่าง และการโหมสร้างแบรนด์ของผู้ประกอบการด้วย
ในตลาดรวมร้านปิ้งย่างแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ 1. แบบมองโกล เช่น แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า 2. แบบญี่ปุ่น เช่น แบรนด์มิยาบิ แบรนด์ไจแอนต์ แบรนด์คิงคอง เป็นต้น 3. แบบเกาหลี เช่น แบรนด์ซูกิชิ และ 4. แบบไทย เช่น แบรนด์โพนยางคำ เป็นต้น ซึ่งแบรนด์ระดับต้นๆ ก็มี เช่น บาร์บีคิวมากกว่า 60 สาขา ซูกิชิปิ้งย่างมีมากกว่า 20 สาขา แบรนด์โพนยางคำมากกว่า 20 สาขา ซึ่งถ้ามองในแง่จำนวนสาขาแล้วมิยาบิอยู่ในอันดับที่สี่ แต่ถ้ามองในแง่รายได้รวม มิยาบิกรุ๊ปอาจจะอยู่ในอันดับสาม หรือสี่