“บาร์บีคิวพลาซ่า” ลั่นยึดตลาดปิ้งย่างแชร์ 55% ครึ่งปีแรกเติบโตแล้ว 15% มั่นใจถึงสิ้นปีนี้โกย 2,600 ล้านบาทแน่ พร้อมอัดแคมเปญใหญ่อีกไตรมาสสุดท้าย รับศึกตลาดเชนร้านอาหารแข่งโปรโมชันดุ ด้วยงบตลาดรวมทั้งปี 260 ล้านบาท เปิดแคมเปญใหญ่แจกล้านบาทเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลกนี้
นางชาตยา สุพรรณพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะบาร์บีคิวพลาซ่า จำกัด หรือ Bar B Q Plaza เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมครึ่งปีแรกได้ 1,352 ล้านบาท เติบโต 15.6% แม้ว่าจะยังมีปัจจัยลบทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าปีนื้ทั้งปีจะมียอดขายรวมที่ 2,600 ล้านบาท เติบโต 15% ตามเป้าหมายและยังเป็นผู้นำตลาดอาหารปิ้งย่างที่เป็นเชน มีแชร์มากกว่า 55% จากตลาดรวมปิ้งย่างมูลค่า 4,725 ล้านบาท เติบโต 9.8% จากปีที่แล้วที่มีมูลค่า 4,300 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ครึ่งปีแรก 2557 ตลาดเชนร้านอาหารรวมจะเติบโต 2.6-30%
อย่างไรก็ตาม ตลาดรวมร้านอาหารไม่เฉพาะปิ้งย่างที่มีคู่แข่งโดยตรงหลายราย เช่น มิยาบิ, ซูกิชิ, ไดโดมอน, อากะ, นิกุยะ เป็นต้น ที่แข่งขันกันรุงแรง แต่ตลาดรวมร้านอาหารก็แข่งขันกันอย่างรุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลจับจ่าย ทำให้บริษัทฯ ต้องเตรียมการตลาดรองรับเองพร้อมกับโปรโมชั่นเต็มที่เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้
ครึ่งปีหลังนี้ใช้งบตลาด 140 ล้านบาท เพิ่มจากครึ่งปีแรกที่ใช้งบ 120 ล้านบาท มีการทำแคมเปญใหญ่ไตรมาสละครั้งซึ่งยังเหลือแคมเปญใหญ่อีก 1 แคมเปญ นอกนั้นก็เป็นแคมเปญย่อยซึ่งครึ่งปีแรกทำแล้ว 70 แคมเปญ จะทำอีก 35 แคมเปญย่อยในช่วงจากนี้ไปเพื่อสร้างยอดขาย โดยเน้นการทำกลยุทธ์พาร์ตเนอร์ชิปกับพันธมิตร เช่น ซีพี เฟรชมาร์ท และ ซัมซุง เป็นต้น โดยใช้งบทำออนไลน์ 15% จากงบรวม
ล่าสุดเปิดแคมเปญใหม่ “ทำมื้อนี้ให้ดีที่สุด” เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์และโปรโมชั่น “เที่ยวเลือกได้ 1,000,000 บาท” ที่จะเปิดตัววันที่ 15 กันยายน ศกนี้ ด้วยงบรวม 70 ล้านบาท โดยผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่มีสิทธิ์ได้ไปเที่ยวที่ไหนในโลกก็ได้ เลือกทริปเองกับใครก็ได้ ภายใต้วงเงินและเงื่อนไขที่ระบุไว้ การออกชุดอาหารพิเศษ “บาร์บีกอน ท่องโลก” และแคมเปญสำหรับสมาชิก “เบิร์ธเดย์ เฮฮา” เริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน 2557-31 ตุลาคม 2558
ปัจจุบัน Bar B Q Plaza มีฐานสมาชิก 540,000 ราย เติบโต 15% โดยมีสัดส่วนรายได้จากสมาชิกมากกว่า 40% และเป้าาหมายสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวกับวัยรุ่นและคนทำงาน 50% เท่ากันในสิ้นปีนี้ จากเดิมครอบครัว 70% และวัยรุ่นกับคนทำงาน 30% โดยมี 98 สาขาในไทย จะเปิดอีก 4 สาขาถึงสิ้นปีนี้ ลงทุนสาขาละประมาณ 5-10 ล้านบาท ส่วนในต่างประเทศเป็นการร่วมทุน ปัจจุบันมีแล้วที่มาเลเซีย 16 สาขาทำมา 9 ปีแล้ว และที่อินโดนีเซียจะเปิดอีก 1 สาขา เดิมมี 1 สาขา ทำตลาดมาแล้ว 2 ปี นอกนั้นอยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งพม่า เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ลงทุน 10 ล้านบาทต่อสาขา