ASTVผู้จัดการรายวัน - “บาร์บีคิวพลาซ่า” เตรียมสยายปีกพอร์ตโฟลิโออีก 3 แบรนด์ร้านอาหารในช่วง 3 ปีเติมเต็มกลุ่มลูกค้า พร้อมทุ่มงบ 500 ล้านบาทรับศึกหนักตลาดปิ้งย่างแข่งระอุ ชิมลางกลยุทธ์รีฟิลคล้ายบุฟเฟต์ หวังดูดวัยรุ่นจากคู่แข่ง ยันไม่เล่นบุฟเฟต์เต็มตัวแน่
นางสาวชาตยา ชูพจน์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะบาร์บีคิวพลาซ่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านบาร์บีคิวพลาซ่าปิ้งย่าง และจุ่มแซ่บฮัท เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้จะขยายธุรกิจร้านอาหารเพิ่มอีกอย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ทั้งการพัฒนาเองและการซื้อไลเซนส์จากต่างประเทศเพื่อให้ครอบคลุมตลาดกว้างขึ้น จากปัจจุบันมีบาร์บีคิวพลาซ่า และจุ่มแซ่บฮัท และขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มด้วย
โดยแบรนด์หลักคือ บาร์บีคิวพลาซ่าที่เปิดมาได้ 26 ปี อยู่ระหว่างการปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยปีนี้ได้ทุ่มงบประมาณ 500 ล้านบาท แยกเป็น 250 ล้านบาทสำหรับรีโนเวตสาขาเดิม เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้วทำไปได้ 10 สาขา ปีนี้ตั้งเป้าอีก 30 สาขาจากทั้งหมด 95 สาขา คาดอีก 3 ปีแล้วเสร็จทุกสาขา และงบ 200 ล้านบาทเป็นงบการตลาดที่จะรุกหนัก และงบ 50 ล้านบาท เปิดใหม่ 5 สาขา เช่นที่เปิดแล้วคือ โรบินสันกาญจนบุรี เซ็นทรัลอุบลราชธานี ต่อไปเปิดที่เซ็นทรัลหาดใหญ่ เซ็นทรัลเชียงใหม่ โรบินสันบางรัก
นอกจากนั้นจะแยกร้านบาร์บีคิวพลาซ่าออกมาจากร้านจุ่มแซ่บฮัทเพื่อสร้างความชัดเจนในการทำตลาด โดยสาขาที่เปิดแล้วแต่มีร้านเดียวเท่านั้น เช่น เดอะมอลล์บางแค สยามเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลบางนา เป็นต้น ปัจจุบันมีร้านที่มีทั้งสองแบรนด์ติดกันจำนวน 70 กว่าสาขา ซึ่งปรับไปแล้ว 10 สาขา ส่วนอีก 60 สาขาอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าทำเลไหนที่จะเปิดเป็นร้านแบรนด์ใดเหมาะสมกว่า
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมาย 3 ปีจากนี้จะมีสาขาบาร์บีคิวพลาซ่า 120 สาขา และเป็น 150 สาขาใน 5 ปี ในตลาดประเทศไทย ส่วนต่างประเทศคาดว่าจะมีการขยายอีก 1 ประเทศ พิจารณาอยู่ระหว่างพม่า กัมพูชา เวียดนาม โดยการร่วมทุนเช่นเดียวกับที่ทำไปแล้วใน 2 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ขณะนี้มีแล้ว 1 สาขา เป้าหมาย 3 ปีจากนี้ 15 สาขา และประเทศมาเลเซีย 13 สาขา เป้าหมายอีก 3 ปีจากนี้จะเป็น 20 สาขา
นางสาวชาตยากล่าวด้วยว่า ปัจจุบันตลาดร้านอาหารประเภทปิ้งย่างมีการแข่งขันที่สูงและรุนแรงมาก มีผู้ประกอบการหน้าใหม่ทำตลาดจำนวนมาก แต่ถือเป็นสิ่งที่ดีและท้าทายที่ทำให้ตลาดโตขึ้นและบริษัทก็ต้องปรับตัวตลอดรับมือกับคู่แข่ง ซึ่งบริษัทฯ ดำเนินงานมากว่า 26 ปี มีแชร์ประมาณ 40% จากตลาดรวมปิ้งย่างกว่า 3,600 ล้านบาท โดยวัดจากยอดขายและจำนวนสาขาขอบริษัท ส่วนคู่แข่งเช่น มิยาบิ ไดโดมอน ซูกิชิ นิกุยะ เป็นต้น
ล่าสุดทุ่มงบ 50 ล้านบาทเปิดแคมเปญ “ชุดรีฟิล กินไม่ต้องยั้ง สั่งไม่ต้องเกรงใจ” ขายอาหารชุดรีฟิลราคา 299 บาทต่อคน ระยะเวลา 1.30 ชม. เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เริ่ม 1 ก.ค.-31 ส.ค. ศกนี้ เป้าหมายเพื่อต้องการขยายฐานกลุ่มวัยรุ่นจากเดิมมีสัดส่วน 40% ให้เป็น 60% และเดิมกลุ่มครอบครัว 60% เหลือ 40% และเพิ่มยอดขายในวันธรรมดาด้วย และเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของลูกค้าด้วยจากเดิมเข้าร้านเฉลี่ยจ่าย 270 บาทต่อคน แต่ยืนยันว่าเราไม่เข้าสู่ตลาดบุฟเฟต์ จะเน้นความเป็นอาหารตามสั่งเหมือนเดิม
หลังจากเริ่มมา 17 วันพบว่ายอดขายเพิ่ม 55% ตั้งเป้าจบแคมเปญยอดขายรวมเพิ่ม 100% ส่วนจำนวนอาหารชุดเติบโต 95% ยอดขายวันธรรมดาเพิ่ม 62% ส่วนวันหยุดเพิ่ม 18% และพบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่เป็นลูกค้าใหม่เพิ่มกว่าแสนคนหรือสัดส่วน 31%
แคมเปญนี้ทำการตลาดแบบ 360 องศา และมีหนังโษณาโดยนำ “เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์แคมเปญนี้ รวมทั้งลงทุนเรื่องระบบพีโอเอสใหม่ การทำระบบฐานข้อมูลลูกค้าใหม่ด้วย
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้มียอดขายรวม 2,200 ล้านบาท เฉพาะในประเทศเติบโต 22% ขณะที่ครึ่งปีแรกเติบโต 15%
