สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า สหรัฐจะก้าวแซงหน้าซาอุดิอาระเบียและรัสเซียในการก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2015 ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐใกล้ที่จะประสบความสำเร็จในการพึ่งพาตนเองในด้านพลังงาน และลดการพึ่งพาน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
อย่างไรก็ดี IEA ระบุเมื่อวานนี้ว่า ภายในปี 2020 แหล่งน้ำมันในรัฐเท็กซัสและรัฐนอร์ธดาโกตาของสหรัฐก็จะผ่านพ้นจุดสูงสุดทางการผลิตไปแล้ว และภูมิภาคตะวันออกกลางก็จะกลับมาเป็นผู้นำในการผลิตอีกครั้ง โดยเฉพาะในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันสู่ภูมิภาคเอเชีย
ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐเคยร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ แต่การผลิตน้ำมันจากชั้นหินในสหรัฐประสบภาวะเฟื่องฟู และส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับสูงขึ้นในระยะนี้
ทั้งนี้ IEA ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของประเทศอุตสาหกรรมเคยคาดการณ์ ในรายงานแนวโน้มพลังงานโลกปี 2012 ว่า สหรัฐจะก้าวขึ้นมาแทนที่ซาอุดิอาระเบียในฐานะประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2017
นายฟาทีห์ บิรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IEA ได้เปิดเผยรายงานคาดการณ์ฉบับใหม่ประจำปีนี้ และเขากล่าวเมื่อวานนี้ว่า ปัจจุบันนี้ IEA คาดว่าสหรัฐจะก้าวขึ้นมาครองอันดับหนึ่งได้ในเวลาที่เร็วขึ้น
นายบิรอลกล่าวว่า "เราคาดว่าในปี 2015 สหรัฐจะกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก"
นายบิรอลกล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อรอยเตอร์ว่า "เราคาดว่าตลาดน้ำมันจะเผชิญกับสองขั้นตอนด้วยกัน"
"ในช่วงก่อนถึงปี 2020 นั้น เราคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันที่มีความหนาแน่นต่ำจากชั้นหินจะเพิ่มสูงขึ้น และเนื่องจากปริมาณการผลิตจากบราซิลเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้นความจำเป็นในการใช้น้ำมันของภูมิภาคตะวันออกกลาง จะลดลงอย่างแน่นอนในช่วงหลายปีข้างหน้า"
"อย่างไรก็ดี เนื่องจากฐานทรัพยากรหินน้ำมันของสหรัฐมีอยู่จำกัด ดังนั้นปริมาณการผลิตน้ำมันประเภทนี้จะทรงตัวและลดลงในอนาคต และส่งผลให้น้ำมันตะวันออกลางครองตลาดอีกครั้งหลังจากปี 2020"
IEA คาดว่า ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยนี้จะกระตุ้นการพัฒนาแหล่งทรัพยากรแบบพิเศษ อย่างเช่นหินน้ำมันในสหรัฐ, ทรายน้ำมันในแคนาดา, การผลิตเขตน้ำลึกในบราซิล และก๊าซธรรมชาติเหลว
ราคานำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยสำหรับประเทศสมาชิก IEA จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ 128 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในปี 2035 หากปรับตามค่าเงินในปี 2012 โดยตัวเลขนี้ปรับขึ้นจากรายงานคาดการณ์ในปีที่แล้ว 3 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ราคานำเข้าน้ำมันดิบในปี 2035 ในรูปตัวเงินจะอยู่ที่ 216 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเท่ากับตัวเลขคาดการณ์ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ IEA คาดว่า ประเทศอื่นๆจะไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าสหรัฐในด้านการผลิตน้ำมันจากชั้นหิน
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
อย่างไรก็ดี IEA ระบุเมื่อวานนี้ว่า ภายในปี 2020 แหล่งน้ำมันในรัฐเท็กซัสและรัฐนอร์ธดาโกตาของสหรัฐก็จะผ่านพ้นจุดสูงสุดทางการผลิตไปแล้ว และภูมิภาคตะวันออกกลางก็จะกลับมาเป็นผู้นำในการผลิตอีกครั้ง โดยเฉพาะในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันสู่ภูมิภาคเอเชีย
ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐเคยร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ แต่การผลิตน้ำมันจากชั้นหินในสหรัฐประสบภาวะเฟื่องฟู และส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับสูงขึ้นในระยะนี้
ทั้งนี้ IEA ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของประเทศอุตสาหกรรมเคยคาดการณ์ ในรายงานแนวโน้มพลังงานโลกปี 2012 ว่า สหรัฐจะก้าวขึ้นมาแทนที่ซาอุดิอาระเบียในฐานะประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2017
นายฟาทีห์ บิรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IEA ได้เปิดเผยรายงานคาดการณ์ฉบับใหม่ประจำปีนี้ และเขากล่าวเมื่อวานนี้ว่า ปัจจุบันนี้ IEA คาดว่าสหรัฐจะก้าวขึ้นมาครองอันดับหนึ่งได้ในเวลาที่เร็วขึ้น
นายบิรอลกล่าวว่า "เราคาดว่าในปี 2015 สหรัฐจะกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก"
นายบิรอลกล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อรอยเตอร์ว่า "เราคาดว่าตลาดน้ำมันจะเผชิญกับสองขั้นตอนด้วยกัน"
"ในช่วงก่อนถึงปี 2020 นั้น เราคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันที่มีความหนาแน่นต่ำจากชั้นหินจะเพิ่มสูงขึ้น และเนื่องจากปริมาณการผลิตจากบราซิลเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้นความจำเป็นในการใช้น้ำมันของภูมิภาคตะวันออกกลาง จะลดลงอย่างแน่นอนในช่วงหลายปีข้างหน้า"
"อย่างไรก็ดี เนื่องจากฐานทรัพยากรหินน้ำมันของสหรัฐมีอยู่จำกัด ดังนั้นปริมาณการผลิตน้ำมันประเภทนี้จะทรงตัวและลดลงในอนาคต และส่งผลให้น้ำมันตะวันออกลางครองตลาดอีกครั้งหลังจากปี 2020"
IEA คาดว่า ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยนี้จะกระตุ้นการพัฒนาแหล่งทรัพยากรแบบพิเศษ อย่างเช่นหินน้ำมันในสหรัฐ, ทรายน้ำมันในแคนาดา, การผลิตเขตน้ำลึกในบราซิล และก๊าซธรรมชาติเหลว
ราคานำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยสำหรับประเทศสมาชิก IEA จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ 128 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในปี 2035 หากปรับตามค่าเงินในปี 2012 โดยตัวเลขนี้ปรับขึ้นจากรายงานคาดการณ์ในปีที่แล้ว 3 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ราคานำเข้าน้ำมันดิบในปี 2035 ในรูปตัวเงินจะอยู่ที่ 216 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเท่ากับตัวเลขคาดการณ์ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ IEA คาดว่า ประเทศอื่นๆจะไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าสหรัฐในด้านการผลิตน้ำมันจากชั้นหิน
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group