ศูนย์ข่าวศรีราชา - บมจ.ไทยออยล์ พร้อมสำรองน้ำมันในโรงกลั่นเพิ่มตามนโยบายของรัฐบาล หลังตลอดปี 2556 ได้ทุ่มงบประมาณจัดหาพื้นที่ และบ่อเก็บน้ำมันเพิ่มให้เพียงพอต่อยอดสำรองที่มีแนวโน้มว่าอาจมีมากขึ้นในอนาคต
วันนี้ (8 พ.ย.) นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 ว่ายังคงเป็นที่น่าพอใจ แม้จะมีปัญหาความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป แต่บริษัทก็ยังคงมีผลประกอบการที่น่าพอใจ ไม่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขณะนี้ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่กำหนด มาจากความเข้มแข็งในการแข่งขันทางการตลาด และการลดต้นทุนดำเนินงาน ด้วยการเดินเครื่องโรงกลั่น และเครื่องจักรกลอย่างเต็มกำลัง นอกจากนั้น ยังสามารถลดการใช้พลังงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ประมาณ 1-2% ต่อปี
ขณะที่การดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการสำรองน้ำมันเพิ่มจาก 5% เป็น 6% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น บริษัทได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบประมาณในการจัดสรรพื้นที่ และเพิ่มจำนวนบ่อเก็บน้ำมันในโรงกลั่นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อรองรับปริมาณน้ำมันสำรองที่จะเพิ่มขึ้น ที่คาดว่ารัฐบาลจะมีคำสั่งให้สำรองมากขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะการใช้น้ำมันภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายดังกล่าวจะส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่หลายโรงกลั่นต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยน้ำมันของเครือไทยออยล์กว่า 80% มาจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีน้ำมันหลายมาตรฐาน และยังเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพ
นายวีรศักดิ์ กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันในปี 2557 ว่า จะยังคงราคาหน้าปั๊มที่ไม่หวือหวาจากปีนี้ ทั้งนี้ เพราะแม้ทั่วโลกจะมีความต้องการใช้น้ำมันสูงถึง 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอีกไม่น้อยกว่าวันละ 8 แสนบาร์เรล จากการขยายตัวของภาคการลงทุน แต่กลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันยังคงมีความสามารถในการผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการ ยกเว้นหากเกิดการสู้รบ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นตามปริมาณการส่งออกที่อาจลดน้อยลง
“ประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันไม่มากนัก เพราะปัจจุบันประชาชนเริ่มหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นประเทศในอันดับต้นๆ ซึ่งอาจจะทำให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันไม่เติบโต”
