ASTVผู้จัดการรายวัน - บ้านปูตั้งเป้าผลิตและขายถ่านหินปี 57 ใกล้เคียงปีนี้ที่ 46 ล้านตัน แต่เน้นลดต้นทุนการผลิตลงอีก 3% คาดปีหน้าราคาถ่านหินขยับขึ้นหลังพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ทำให้สิ้นปีนี้ชะลอขายถ่านหินล่วงหน้าไม่เกิน 30% พร้อมตั้งทีมเข้าไปศึกษาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในฟิลิปปินส์ พม่า เขมร และเวียดนาม รวมทั้งรุกธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะคงปริมาณการผลิตและขายถ่านหินเท่ากับปีนี้ที่ 46 ล้านตัน แม้ว่าเหมืองเกาเหอในจีนจะมีการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 5.4 ล้านตันเป็น 6 ล้านตันก็ตาม แต่บริษัทฯ จะเน้นการบริหารต้นทุนการผลิตถ่านหินทั้งในเหมืองที่อินโดนีเซีย และออสเตรเลียลดลงอีก 3% ขณะที่ราคาถ่านหินน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2557 ดีกว่าปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทเห็นสัญญาณราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นจากตลาด BJI เคยต่ำสุดอยู่ที่ 76 เหรียญสหรัฐ/ตัน ล่าสุดขยับขึ้นมาที่ 84 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลียได้ลดกำลังการผลิตลงและบางเหมืองปิดตัวไป ทำให้เชื่อมั่นว่าธุรกิจถ่านหินผ่านจุดราคาต่ำสุดแล้ว และจะค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวดีขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ จึงชะลอการขายถ่านหินล่วงหน้า โดยสิ้นปีนี้คาดขายถ่านหินล่วงหน้าไม่เกิน 30% จากอดีตที่จะขายล่วงหน้าไปแล้ว 50% ของกำลังการผลิต เพราะต้องการขายในช่วงที่ถ่านหินราคาดีขึ้น คาดว่าปีหน้าราคาขายถ่านหินสูงกว่า 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นางสมฤดีกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เพิ่มธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน โดยนำถ่านหินคุณภาพต่ำและถ่านหินคุณภาพสูงของเหมืองบ้านปูมาผสมกันเพื่อขายในราคาที่สูงขึ้น โดยอาจจะซื้อถ่านหินคุณภาพต่ำจากเหมืองอื่นมาผสมกับถ่านหินคุณภาพดีของบ้านปูก็ได้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเทรดดิ้งถ่านหินในปีหน้าอยู่ที่ 1 ล้านตัน และปีถัดไปเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตัน
นอกจากนี้ บริษัทศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งฟิลิปปินส์ เวียดนาม พม่า และกัมพูชา โดยตั้งทีมพัฒนาธุรกิจเข้าไปศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศเหล่านี้ ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทฯ ที่มองหาธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้เลย และมองลู่ทางการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียที่ไม่ไกลจากเหมืองของบริษัทเพื่อใช้ระบบสาธารณูปโภคร่วมกันได้ แต่ก็ไม่ได้รีบเร่งในการซื้อกิจการเหมืองถ่านหินแต่อย่างใด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาโครงการเพิ่มมูลค่าถ่านหินที่เหมืองมองโกเลีย โดยจะลงทุนเพื่อแปลงสภาพจากถ่านหินเป็นทาร์ นำไปใช้ผลิตเป็นก๊าซโซลีนขายในมองโกเลียด้วย
นางสมฤดีกล่าวถึงกรณีที่จีนยกเลิกภาษีส่งออก ทำให้เกิดความกังวลว่าถ่านหินจีนจะออกมาสู่ตลาด หรือลดการนำเข้าถ่านหินลงว่า ถ่านหินจีนส่วนใหญ่เป็นถ่านหินคุณภาพต่ำและต้นทุนการผลิตสูงเมื่อเทียบกับอินโดนีเซียและออสเตรเลียที่มีถ่านหินคุณภาพสูง อีกทั้งจีนมีการปิดเหมืองขนาดเล็กลงไปแล้ว 100 กว่าแห่ง ทำให้กำลังการผลิตหายไป 100 ล้านตัน ขณะที่จีนยังมีความต้องการใช้ถ่านหินอยู่มาก จึงไม่น่ากังวลแต่อย่างใด