นางสาววรรณา สวัสดิกุล ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายค้าปลีกเทสโก้โลตัสในไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่เทสโก้โลตัสเปิดให้บริการชอปปิ้งผ่านทางออนไลน์แก่ลูกค้าในกรุงเทพมหานครมาประมาณ 6 เดือนแล้วนั้น ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปชอปปิ้งที่สโตร์ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม เทสโก้ฯ ก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาต่อไป เนื่องจากมองว่าช่องทางการชอปปิ้งออนไลน์จะเป็นช่องทางที่สำคัญในอนาคต
ล่าสุดได้ขยายการให้บริการชอปปิ้งออนไลน์ไปยังต่างจังหวัดด้วย เริ่มที่พัทยา จังหวัดชลบุรี วันที่ 22 ตุลาคมนี้ และที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มวันที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยจะพิจารณาจากผลประกอบการ 2 แห่งนี้ก่อนที่จะขยายต่อไปในจังหวัดอื่นอีกอย่างน้อย 2 จังหวัดต้นปีหน้า อีกทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ เพิ่มบริการใหม่ คือ คลิกแอนด์คอลเลกต์ สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อออนไลน์แล้วมารับของได้ที่สโตร์ เริ่มวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้สาขาแรกที่เทสโก้โลตัสเอ็กซ์ตรารามอินทรา
ส่วนเวลาการจัดส่งได้มีการปรับใหม่ให้ลูกค้าได้เลือกใน 6 ช่วงเวลาต่อวัน ตั้งแต่ 10.00-22.00 น. ไม่เว้นวันหยุด และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถรองรับการชำระเงินของลูกค้าด้วยเงินสด จากปัจจุบันรับเฉพาะเครดิตการ์ด วีซ่าการ์ดเท่านั้น และยังพยายามจัดทำโปรโมชันเฉพาะช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะเพื่อกระตุ้นการใช้มากขึ้นด้วย เช่นที่ทำขณะนี้คือร่วมมือกับยูนิลีเวอร์เมื่อซื้อสินค้าตามเงื่อนไขจะได้รับแจกสินค้าด้วย
“วันนี้ชอปปิ้งออนไลน์อาจจะยังเพิ่งเริ่มต้น แต่ขอให้จับตาดูให้ดีเพราะจะเป็นช่องที่แข่งขันรุนแรงมาก วันนี้ยังอยู่ในช่วงของการลงทุนสร้างตลาด ซึ่งจากการศึกษาของภาครัฐในปี พ.ศ. 2555 พบว่าสัดส่วนการค้าขายทางอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเทียบกับยอดค้าปลีกทั้งหมดของประเทศไทยคิดเป็น 0.8% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น 10% ในเกาหลี และ 12% ในอังกฤษ จึงยังมีโอกาสอีกมาก ส่วนรายได้จากออนไลน์ของเทสโก้เองซึ่งเรายังมีสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์น้อยมากไม่ถึง 5% ซึ่งเทสโก้โลตัสมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกในทุกช่องทางการขาย ตอนนี้เราก็เป็นผู้นำในตลาดแล้วในแง่จำนวนสโตร์ช่องทางปกติ ทั้งโมเดลเอ็กซ์ตรา ไฮเปอร์มาร์เกต ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ตลาด เอ็กซ์เพรส ซึ่งปีนี้ก็มีแผนที่จะเปิดสาขาทุกรูปแบรวมกัน 300 สาขา”
ทั้งนี้ การเปิดช่องทางออนไลน์ชอปปิ้งเป็นไปตามเทรนด์ของโลก ที่เทสโก้โลตัสดำเนินการไปแล้วใน 10 ประเทศรวมไทยด้วย คือ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ มาเลเซีย จีน ไอร์แลนด์ ฮังการี โปแลนด์ สโลวะเกีย สาธารณรัฐเช็ก และไทย ซึ่งพบว่าในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายที่ผ่านทางออนไลน์เติบโตมากถึง 54% ของเทสโก้โลตัสทั่วโลก ในขณะที่ประเทศไทยเองเทสโก้ฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตมากถึง 5 เท่าในปีหน้า
สำหรับการใช้บริการชอปปิ้งออนไลน์ที่ผ่านมาของลูกค้าพบว่ายอดการใช้จ่ายต่อบิลของออนไลน์ฯ มีมากกว่าช่องทางสโตร์ถึง 3 เท่า สาขาพระรามสี่เป็นสาขาที่ยอดออนไลน์มากที่สุด และสินค้าที่นิยมซื้อคือของหนักๆ เช่น น้ำเป็นลังๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่มีจำหน่ายในออนไลน์มีมากกว่า 20,000 รายการ ทั้งอาหารสด แห้ง ของใช้ ในสโตร์มีประมาณ 40,000 รายการ 40,000 รายการในสาขาใหญ่
ปัจจัยที่จะทำให้ช่องทางชอปปิ้งออนไลน์เติบโตมาก คือ 1. พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป 2. คนรุ่นใหม่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวและต้องการการเติบโตที่รวดเร็ว 3. เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้า 4. การเจรจาของธุรกิจที่มีความเข้าใจและกล้าลงทุนในรูปแบบชอปปิ้งออนไลน์มากน้อยแค่ไหน
ล่าสุดได้ขยายการให้บริการชอปปิ้งออนไลน์ไปยังต่างจังหวัดด้วย เริ่มที่พัทยา จังหวัดชลบุรี วันที่ 22 ตุลาคมนี้ และที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มวันที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยจะพิจารณาจากผลประกอบการ 2 แห่งนี้ก่อนที่จะขยายต่อไปในจังหวัดอื่นอีกอย่างน้อย 2 จังหวัดต้นปีหน้า อีกทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ เพิ่มบริการใหม่ คือ คลิกแอนด์คอลเลกต์ สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อออนไลน์แล้วมารับของได้ที่สโตร์ เริ่มวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้สาขาแรกที่เทสโก้โลตัสเอ็กซ์ตรารามอินทรา
ส่วนเวลาการจัดส่งได้มีการปรับใหม่ให้ลูกค้าได้เลือกใน 6 ช่วงเวลาต่อวัน ตั้งแต่ 10.00-22.00 น. ไม่เว้นวันหยุด และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถรองรับการชำระเงินของลูกค้าด้วยเงินสด จากปัจจุบันรับเฉพาะเครดิตการ์ด วีซ่าการ์ดเท่านั้น และยังพยายามจัดทำโปรโมชันเฉพาะช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะเพื่อกระตุ้นการใช้มากขึ้นด้วย เช่นที่ทำขณะนี้คือร่วมมือกับยูนิลีเวอร์เมื่อซื้อสินค้าตามเงื่อนไขจะได้รับแจกสินค้าด้วย
“วันนี้ชอปปิ้งออนไลน์อาจจะยังเพิ่งเริ่มต้น แต่ขอให้จับตาดูให้ดีเพราะจะเป็นช่องที่แข่งขันรุนแรงมาก วันนี้ยังอยู่ในช่วงของการลงทุนสร้างตลาด ซึ่งจากการศึกษาของภาครัฐในปี พ.ศ. 2555 พบว่าสัดส่วนการค้าขายทางอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเทียบกับยอดค้าปลีกทั้งหมดของประเทศไทยคิดเป็น 0.8% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น 10% ในเกาหลี และ 12% ในอังกฤษ จึงยังมีโอกาสอีกมาก ส่วนรายได้จากออนไลน์ของเทสโก้เองซึ่งเรายังมีสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์น้อยมากไม่ถึง 5% ซึ่งเทสโก้โลตัสมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกในทุกช่องทางการขาย ตอนนี้เราก็เป็นผู้นำในตลาดแล้วในแง่จำนวนสโตร์ช่องทางปกติ ทั้งโมเดลเอ็กซ์ตรา ไฮเปอร์มาร์เกต ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ตลาด เอ็กซ์เพรส ซึ่งปีนี้ก็มีแผนที่จะเปิดสาขาทุกรูปแบรวมกัน 300 สาขา”
ทั้งนี้ การเปิดช่องทางออนไลน์ชอปปิ้งเป็นไปตามเทรนด์ของโลก ที่เทสโก้โลตัสดำเนินการไปแล้วใน 10 ประเทศรวมไทยด้วย คือ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ มาเลเซีย จีน ไอร์แลนด์ ฮังการี โปแลนด์ สโลวะเกีย สาธารณรัฐเช็ก และไทย ซึ่งพบว่าในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายที่ผ่านทางออนไลน์เติบโตมากถึง 54% ของเทสโก้โลตัสทั่วโลก ในขณะที่ประเทศไทยเองเทสโก้ฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตมากถึง 5 เท่าในปีหน้า
สำหรับการใช้บริการชอปปิ้งออนไลน์ที่ผ่านมาของลูกค้าพบว่ายอดการใช้จ่ายต่อบิลของออนไลน์ฯ มีมากกว่าช่องทางสโตร์ถึง 3 เท่า สาขาพระรามสี่เป็นสาขาที่ยอดออนไลน์มากที่สุด และสินค้าที่นิยมซื้อคือของหนักๆ เช่น น้ำเป็นลังๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่มีจำหน่ายในออนไลน์มีมากกว่า 20,000 รายการ ทั้งอาหารสด แห้ง ของใช้ ในสโตร์มีประมาณ 40,000 รายการ 40,000 รายการในสาขาใหญ่
ปัจจัยที่จะทำให้ช่องทางชอปปิ้งออนไลน์เติบโตมาก คือ 1. พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป 2. คนรุ่นใหม่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวและต้องการการเติบโตที่รวดเร็ว 3. เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้า 4. การเจรจาของธุรกิจที่มีความเข้าใจและกล้าลงทุนในรูปแบบชอปปิ้งออนไลน์มากน้อยแค่ไหน