xs
xsm
sm
md
lg

“ลีเวอร์” ปรับแผนขายตรง เพิ่มโบนัสรุกตลาดเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุชาดา ธีรวชิรกุล (ซ้าย) ประธานบริหาร ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด  และ บาวเค่อ ราวเออร์ส (ขวา)  ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย และอินโดจีน
ลีเวอร์ปรับชื่อขายตรงจาก “อาวียองซ์” สู่ “ยูนิลีเวอร์ เน็ตเวิร์ค” หวังเข้าถึงกำลังซื้อ 3,000 ล้านคนภายในปี 2020 พร้อมเพิ่มโบนัสให้เหล่าสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเพิ่มอีก 4-5% ประเมินกำลังซื้อไทยรัดเข็มขัดมากขึ้น

นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย และอินโดจีน เปิดเผยว่า จากแผนที่ยูนิลีเวอร์ตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั่วโลกเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว จาก 4 หมื่นล้านยูโร เป็น 8 หมื่นล้านยูโรภายในปี 2020 หรือปี 2563 พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงอีก 50% โดยธุรกิจเครือข่ายของยูนิลีเวอร์จะมีแผนการดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกันด้วย ดังนั้นเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น จึงได้เปลี่ยนชื่อ อาวียองซ์ มาเป็น ยูนิลีเวอร์ เน็ตเวิร์ค เพื่อให้ก้าวสู่เวทีระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป โดยไทยยังเป็นสำนักงานใหญ่

สำหรับการเปลี่ยนชื่อจาก อาวียองซ์ มาเป็น ยูนิลีเวอร์ เน็ตเวิร์ค มาจาก 3 เหตุผลหลัก คือ 1. เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ได้ง่ายขึ้น 2. ความมีชื่อเสียงของยูนิลีเวอร์จะช่วยเร่งการเติบโตได้ดี และ 3. การใช้ชื่อยูนิลีเวอร์เพื่อรุกธุรกิจเครือข่ายจะเข้าใจได้ง่าย เชื่อใจได้ดีขึ้นว่าเป็นธุรกิจของยูนิลีเวอร์ ทั้งนี้ มั่นใจว่าภายในปี 2020 ยูนิลีเวอร์ เน็ตเวิร์ค จะเข้าถึงจำนวนประชากรกว่า 3,000 ล้านคนได้ หรือครอบคลุมภูมิภาคเอเชียได้ทั้งหมด พร้อมมีรายได้รวมเติบโต 2 เท่า เร็วกว่าภาพรวมรายได้ของยูนิลีเวอร์ที่ตั้งไว้ในปี 2020 ด้วยเช่นเดียวกัน

ด้านนางสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค มีอยู่ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และกัมพูชา โดยใน 2 ประเทศหลังนี้จะเปลี่ยนชื่อจากอาวียองซ์มาเป็นยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ภายในเดือน ต.ค.นี้ และเตรียมขยายสู่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียต่อไป

ส่วนกลุ่มสินค้านั้นจะครอบคลุมใน 4 กลุ่มหลัก คือ 1. ความงาม ในแบรนด์อาวียองซ์ 2. เสริมอาหาร แบรนด์ไวทัลลิตี้ 3. โฮม แบรนด์ลีเวอร์ โฮม และ 4. ช่องปาก แบรนด์ ไอ-เฟรช จากปัจจุบันยอดขายในไทย 70% มาจากสกินแคร์และเพอร์ซัลนัลแคร์ และอีก 15% มาจากเสริมอาหาร และ 15% มาจากอื่นๆ รวมกัน ซึ่งในปีหน้าจะเน้นกลุ่มเสริมอาหารเป็นหลัก หรือต้องการเพิ่มสัดส่วนยอดขายกลุ่มนี้ให้เป็น 30-40% ภายใน 2 ปีหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการปรับเพิ่มผลตอบแทนแก่สมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอีก 4-5% ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ที่เรียกว่า i12 นั้น คือ จะมอบรายได้ที่คุ้มค่าจากผลงานทางธุรกิจ และผลตอบแทนจากเครือข่ายทีมงานทั่วโลก สำหรับการสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น และจากการเพิ่มจำนวนเครือข่ายได้มากขึ้น จากปัจจุบันในไทยมีสมาชิกกว่า 5 แสนรหัส หรือทั้ง 3 ประเทศรวมกันมีกว่า 5.2 แสนรหัส

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาพบว่ารายได้ในไทยมีอัตราการเติบโตมากกว่าเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้น่าจะมีทิศทางไปในทางเดียวกัน โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้เศรษฐกิจจะทรงตัว ผู้บริโภคจะระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น มีพฤติกรรมในการซื้อเปลี่ยนไป จากเดิมมีซื้อเก็บกักตุน ปัจจุบันต้องชูเรื่องคุณภาพสินค้าให้ตรงและเข้าถึงมากขึ้นจึงจะยอมซื้อสินค้านั้น ในส่วนของยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค จะต้องทำงานหนักมากขึ้น ใช้ความเป็นเครือข่ายช่วยในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอีกส่วนหนึ่ง เชื่อว่าจะช่วยให้รายได้รวมเป็นไปตามเป้าที่วางไว้

สอดคล้องกับนายบาวเค่อที่ได้กล่าวถึงกำลังซื้อหลังจากนี้ว่าจะกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติในเวลาอันรวดเร็วขึ้น หลังจากที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาน้ำท่วมและเศรษฐกิจที่ซบเซาลง


กำลังโหลดความคิดเห็น