สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเตรียมยื่นฟ้องนายกฯ-กบอ. กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครอง โทษฐานบริหารจัดการน้ำเหลวจนทำให้น้ำท่วมซ้ำปี 2556 โดยเฉพาะจังหวัดปราจีนบุรี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อชาวบ้านเพื่อเรียกค่าเสียหาย ขณะที่ “กฟผ.” เตรียมเปิดเวทีใหญ่ดึงอดีตผู้ว่าฯ กฟผ. นักวิชาการชำแหละ ต่อต้านดึงเขื่อนสังกัดกระทรวงน้ำ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วม โดยเฉพาะจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อมอบอำนาจให้สมาคมฯ ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กรมชลประทาน และหน่วยงานจังหวัดที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำ ต่อศาลปกครองเพื่อเรียกร้องความเสียหายให้แก่ชาวบ้าน เนื่องจากการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดในปี 2556 จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“ผมจะเอากรณีน้ำท่วมปราจีนบุรีปีนี้ยื่นฟ้องร้องเพราะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการบริหารที่ผิดพลาด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าหลายพื้นที่น้ำท่วมเกิดจากหน่วยงานรัฐในระดับจังหวัดไม่กล้าตัดสินใจ เช่น การเปิดประตูน้ำเพื่อระบายน้ำในยามฉุกเฉินเพราะจะต้องรอคำสั่งส่วนกลางจาก กบอ. โดยเฉพาะปราจีนบุรีชัดเจนว่าทุกส่วนรอคำสั่งจาก กบอ.จนทำให้เกิดปัญหาไม่สามารถแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้เลย และรัฐเองก็ไม่ได้ลงมาดูแลชาวบ้านที่เดือดร้อนอย่างที่ควรจะเป็น” นายศรีสุวรรณกล่าว
ผลพวงดังกล่าวยังชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะจัดตั้งกระทรวงน้ำ โดยโอนรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปรวมไว้ที่กระทรวงนี้นั้นไม่ได้เป็นการตอบโจทย์การบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพแต่อย่างใด แต่จะเป็นการรวบอำนาจไปให้นักการเมืองบริหารจัดการงบประมาณที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำเมกะโปรเจกต์มากกว่าที่จะสะท้อนให้เห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้นสมาคมฯ จะร่วมกับองค์กรต่างๆ ในการต่อต้านการตั้งกระทรวงน้ำให้ถึงที่สุด เพราะการบริหารน้ำที่มีประสิทธิภาพจะต้องกระจายอำนาจให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีประสบการณ์ยาวนานอยู่แล้วตัดสินใจมากกว่าที่จะรวมอำนาจไว้ที่ฝ่ายการเมือง
นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ภายในเดือน พ.ย.นี้ กฟผ.จะเปิดเวทีสัมมนาใหญ่ที่จะเชิญอดีตผู้ว่าการ กฟผ. นักวิชาการ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแสดงความเห็นถึงแนวทางการจัดตั้งกระทรวงน้ำที่จะชี้ให้เห็นว่าการโอนเขื่อน กฟผ.ไปสังกัดและหน่วยงานหลายแห่งไม่ได้ตอบโจทย์ของการแก้ไขปัญหาจัดการน้ำ แต่มุ่งเน้นที่จะรวบอำนาจไปไว้บริหารจัดการด้านงบประมาณมากกว่า และที่สำคัญเป็นการบีบให้ กฟผ.เป็นองค์กรที่มีขนาดเล็กลง
“เราเตรียมที่จะยื่นหนังสือถึงนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน และคณะรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านการโอนเขื่อนและบุคลากรส่วนหนึ่งไปสังกัดกระทรวงน้ำ เพราะเขื่อนมีความสำคัญต่อระบบการผลิตไฟฟ้า ต้องมีความเชื่อมโยงการบริหารที่ดี ซึ่งขณะนี้ กฟผ.มีเขื่อนอยู่ทั้งหมด 14 เขื่อน” นายศิริชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 16 ต.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ เบื้องต้นทางประธานคณะกรรมการบริหาร กฟผ.จะเข้าร่วมรับฟังด้วย ดังนั้นจะถือโอกาสนี้ยื่นหนังสือการคัดค้านการโอนเขื่อนเข้าสังกัดกระทรวงน้ำและขอทราบแนวนโยบายต่อเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่งขณะนี้ทุกเขื่อนรวมถึงหน้าทางเข้า กฟผ.สำนักงานใหญ่ได้ติดป้ายแสดงการคัดค้านแล้วว่าเขื่อน กฟผ.จะต้องอยู่กับ กฟผ. พนักงานทุกส่วนคัดค้านการโอนเขื่อนเข้าสังกัดกระทรวงน้ำ
