นายกฯ ให้กลาโหมช่วยน้ำท่วม สั่ง “กบอ.-สำนักงานปลัดฯ” รับฟังความเห็นฝ่ายต้านเขื่อนแม่วงก์ พร้อมเห็นชอบให้ กบอ.ไปศึกษาตั้งกระทรวงน้ำ “ปลอดประสพ” โวส่งผลดีแก้ปัญหาน้ำระยะยาว รองรับ พ.ร.ก.3.5 แสนล้าน เล็งบูรณาการการทำงานของ 20 หน่วยงานเข้าด้วยกัน
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมและการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เมื่อวันที่ 29-30 ก.ย.ที่ผ่านมา และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่สามารถบูรณาการทำงานส่วนหน้าและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันในส่วนของซิงเกิลคอมมานด์เซนเตอร์ปัจจุบันก็เริ่มเห็นการใช้ข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น และต้องการให้แต่ละหน่วยงานมีส่วนร่วมในการที่จะบันทึกเอาไว้เพื่อป้องกันการทำงานที่ซ้ำซ้อน รวมทั้งขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำอุปกรณ์ที่สามารถใช้ในการช่วยเหลือประชาชนมารวมไว้ที่ศูนย์ส่วนหน้า เพื่อที่จะได้นำไปช่วยเหลือประชาชนและนำไปใช้ในพื้นที่ที่จำเป็นต่อไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า แม้ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเกิดขึ้นเฉพาะที่ แต่ในระยะยาวจำเป็นต้องพิจารณาว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยรวมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้หมอบหมายให้ กบอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องดังกล่าวพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งทางด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ย้ำที่จะดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งนี้คาดว่าในวันที่ 6 ต.ค.นี้ สถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้น และหลังจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาอีกครั้ง ส่วนพื้นที่ในลุ่มเจ้าพระยา ทั้ง จ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ยังรับสถานการณ์ได้ ยกเว้นที่ตำบลโผงเผง จ.อ่างทอง อ.บางบาล และ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ยังมีน้ำท่วม ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร นายปลอดประสพย้ำว่าไม่มีปัญหา
“นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานกระทรวงกลาโหมไปดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งจัดกำลังพลและเครื่องผลักดันน้ำของกระทรวงกลาโหมเข้าไปช่วยเหลือและติดตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯด้วย” นายธีรัตถ์ กล่าว
ในส่วนกรณีการสร้างเขื่อนแม่วงก์นั้น นายธีรัตถ์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกับที่ประชุมว่า ยอมรับว่า ปัจจุบันเขื่อนแม่วงก์ประชาชนยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ จึงมอบหมายให้ทาง กบอ. และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมารับฟังความคิดเห็น โดยรัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและปัญหาต่างๆ จากทุกฝ่ายถึงความจำเป็นว่าการมีหรือไม่มีเขื่อนแม่วงก์แตกต่างกันอย่างไร รวมถึงพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นหรือไม่ในการบริหารจัดการน้ำและแก้ปัญหาอุทกภัย
ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบความคืบหน้าแผนนิติบัญญัติ พ.ศ.2555-2558 ที่มี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจัดทำแผนฯ โดย ครม.เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปรับปรุง ร่างพระราชบัญญัติสำคัญ 5 ฉบับ และให้พิจารณาร่างกฎหมาย ขึ้นใหม่ 1 ฉบับ ซึ่งมีร่าง พ.ร.บ.และ ร่าง กม.ที่สำคัญ เช่น 1.ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปพิจารณาว่าสมควรร่างกฎหมาย เพื่อให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีตำแหน่งในระดับสูง รวมทั้งบุคลากรขององค์กรอิสระ ต้องเปิดเผยบัญชีรายการทรรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณชน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เรื่องการสร้างความโปร่งใสและต่อต้านการคอร์รัปชัน
2.ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ไปพิจารณาความจำเป็นในการจัดตั้งกระทรวงน้ำ โดยหากเห็นควรดำเนินการ ก็ให้ กบอ.เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการร่างกฎหมายที่กำหนดให้มีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ ตาม ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุง ทบวง กรม (ฉบับที่..) พ.ศ... (จัดตั้งกระทรวงน้ำเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบ) ต่อไป ซึ่งนายปลอดประสพ กล่าวว่า การจัดตั้งกระทรวงน้ำ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และจะส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาวตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ การจัดตั้งกระทรวงน้ำจะเป็นการรองรับโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจาก พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำมีความยั่งยืน และจะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่า โครงการบริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล จะเกิดขึ้นจริงและเป็นโครงการที่ยั่งยืน โดยนายปลอดประสพ มีแนวคิดที่จะบูรณาการการทำงานของ 20 หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ นายปลอดประสพ ระบุว่า การรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนเกี่ยวกับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท น่าจะเสร็จสิ้นในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค. 56 และน่าจะเริ่มเซ็นสัญญาและเริ่มโครงการก่อสร้างได้ ในเดือน ม.ค. 57 ซึ่งหลังจากเริ่มก่อสร้างสร้างโครงการแล้ว นายปลอดประสพ จะเชิญกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวงน้ำ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาร่วมหารือเกี่ยวกับโครงสร้างของกระทรวงน้ำต่อไป