“พ้อง” เป็นประธานเปิดท่าเทียบเรือ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าสองฝั่งแม่น้ำโขง เชื่อมเศรษฐกิจไทย-ลาวรองรับเปิด AEC
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (5 ต.ค.) นายพ้อง ชีวานันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานเปิดท่าเทียบเรือสินค้า ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 โดยจะเป็นท่าเรือที่รองรับการขนส่งสินค้าสองฝั่งแม่น้ำโขงระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งจะสอดรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ตลอดจนเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ทังนี้ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในบริเวณเขต ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นต่อเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวของจังหวัดมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลงานนมัสการองค์พระธาตุพนมจะมีประชาชนประมาณวันละ 20,000-30,000 คน ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวจึงมีความต้องการที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือถาวร และมีความจำเป็นที่ต้องมีท่าเรือที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดน อีกทั้งจะส่งเสริมการท่องเที่ยวอันจะนำมาซึ่งรายได้ของท้องถิ่น
โดยกรมเจ้าท่าได้รับงบประมาณในปี 2554 จำนวน 13,200,000 บาท (สิบสามล้านสองแสนบาท) เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการ และได้ว่าจ้างให้ บริษัท ส.บรรทัดไทย จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง งานก่อสร้างประกอบด้วย การก่อสร้างทางลาดคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 4 เมตร ยาว 98 เมตร อาคารสำนักงานท่าเรือ ขนาดความกว้าง 4 เมตร ยาว 14 เมตร และบันไดขึ้น-ลงระหว่างอาคารและท่าเรือ ขนาดความกว้าง 3 เมตร ยาว 10 เมตร ปัจจุบันเทศบาลตำบลธาตุพนมเป็นผู้บริหารท่าเรือ
สำหรับท่าเรืออำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นท่าเรือที่รองรับการขนส่งสินค้าสองฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นการดำเนินการตามภารกิจของกรมเจ้าท่าในด้านการส่งเสริมการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี ในเรื่องการพัฒนาท่าเรือหรือสถานีขนส่งทางน้ำ การพัฒนาร่องน้ำทางเดินเรือด้วยการขุดลอก และก่อสร้างเขื่อนกันทรายกันคลื่น เขื่อนป้องกันตลิ่งพัง การวางเครื่องหมายบังคับร่องน้ำทางเดินเรือ การจัดทำแผนที่ร่องน้ำต่างๆ การควบคุม และป้องกันการรุกล้ำลำน้ำ และการผลิตบุคลากรประจำเรือให้ได้มาตรฐานสากลและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ นอกจากนี้ ยังต้องพัฒนาจุดเชื่อมต่อระบบโครงข่ายขนส่งสาธารณะทางน้ำ ทางบกให้มีความต่อเนื่อง สะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการใช้การคมนาคมขนส่งทางน้ำมากยิ่งขึ้น