นครพนม - วัดธาตุพนมทำพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึก บูชาพญานาค หรือองค์สัตนาคาทั้ง 7 ตน ก่อนเทศกาลออกพรรษา ฮือฮา!ศิษยานุศิษย์จากกรุงเทพฯ เห็นพญานาคโผล่กลางลำน้ำโขงชูเศียรชัดเจน ลำตัวเป็นสีเหลืองทองอร่าม ยาว 30-40 เมตร ลอยทวนกระแสน้ำเสียงดังถึงริมฝั่งนานเกือบ 30 นาที
เมื่อเวลา 02.00 น. วันนี้ (10 ต.ค.) ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระเทพวรมุนี วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำพุทธศาสนิกชน ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึก หรือพิธีบวงสรวงพญานาค ที่จัดสืบทอดมานานกว่า 50 ปี ซึ่งจะจัดขึ้นช่วงก่อนเทศกาลออกพรรษา คืนวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี โดยความร่วมมือของจังหวัด คณะสงฆ์จังหวัดนครพนม และพุทธศาสนิกชน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสักการบูชาพญานาค หรือองค์สัตนาคาทั้ง 7 ตน ผู้ดูแลปกปักรักษาองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง โดยภายในพระธาตุได้บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นโอกาสสำคัญที่สมเด็จหลวงพ่อพญานาค หรือองค์สัตนาคา จะได้มีโอกาสมาประทับร่างทรงโปรดพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญ รวมถึงปรึกษาปัญหาทั้งทางโลกและทางธรรมที่ถือปฏิบัติมาแต่อดีต
โดยพิธีศักดิ์สิทธิ์ “สัตตนาคารำลึก” หรือพิธีบวงสรวงพญานาค จะมีการนำพานบายศรีรูปพญานาค จัดวางเป็นที่ประทับ 7 ตน พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ผลไม้ และดอกไม้ธูปเทียนมาทำพิธีสักการบูชา สวดเจริญภาวนาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงเวลา 02.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าพญานาคทั้ง 7 ตน จะเสด็จลงมาประทับร่างทรงเพื่อโปรดเทศนาสั่งสอน หรือทำนายทายทัก และรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยวิธีทางไสยศาสตร์ให้แก่ประชาชนที่มาร่วมพิธี และบางปีจะมีชาวบ้านพบเห็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ มีแสงสีพวยพุ่งมายังองค์พระธาตุพนม และเกิดเงาพระธาตุบนท้องฟ้าทุกปี
ทำให้ทุกปีมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาร่วมพิธีเพื่อขอพรจากองค์พญานาค และองค์พระธาตุพนมจำนวนมาก
สำหรับการทำพิธีในปีนี้ ได้มีศิษยานุศิษย์ที่เดินทางมาร่วมทำบุญจากกรุงเทพมหานคร ได้พบเหตุการณ์แปลกประหลาดช่วงกลางวันก่อนทำพิธีสัตนาคารำลึก เชื่อว่าเป็นการแสดงปาฏิหาริย์ขององค์พญานาค ภายหลังซื้อปลาจากหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร 67 กิโลกรัม เพื่อนำไปปล่อยที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด่านตรวจคนเข้าเมืองในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม ได้พบปาฏิหาริย์ขณะตั้งจิตอธิษฐานให้องค์พญานาคดูแลรักษาปลาที่ปล่อยลงสู่น้ำโขง ก็ได้พบสิ่งแปลกประหลาดที่เชื่อว่าเป็นพญานาค เนื่องจากมีลักษณะรูปร่างคล้ายพญานาคในตำนานโผล่ขึ้นเหนือน้ำ ชูเศียรชัดเจน ลำตัวเป็นสีเหลืองทองอร่าม ยาว 30-40 เมตร ลอยวนเวียนทวนกระแสน้ำเสียงดังถึงริมฝั่ง เป็นเวลาเกือบ 30 นาที โดยอยู่ห่างจากฝั่ง 300-400 เมตร โดยมีผู้พบเห็นเหตุการณ์ร่วมกันถึง 6 คน จึงตั้งจิตอธิษฐานขอพรตามความเชื่อ เพราะเชื่อว่าองค์พญานาคมาปรากฎกายให้เห็นในโอกาสที่มาร่วมงานสัตนาคารำลึก ที่สำคัญยังสามารถบันทึกภาพนิ่งด้วยกล้องไว้บางส่วน ก่อนนำมาอัดขยายถวายให้แก่วัดเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ชม และกราบไหว้
ซึ่งทางผู้พบเห็นยอมรับว่า เป็นเรื่องแปลกมากไม่เคยเห็นมาก่อน หากเล่าให้ใครฟังคงเชื่อยาก หากไม่เห็นกับตา แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องของความเชื่อแต่ละบุคคล และยืนยันว่าภาพที่เห็นมีความชัดเจนมาก เพราะมองเห็นลักษณะเศียรโผล่ขึ้นเหนือน้ำ รวมถึงลำตัวที่ชัดเจนเหมือนรูปปั้นพญานาคที่มีตามวัด
ที่ชัดเจนกว่านั้น คือ หลังเดินทางออกมาจากริมแม่น้ำโขง ได้อธิษฐานจิตขอให้องค์พญานาคปรากฏกายอีกเพื่อเป็นการยืนยัน และกลับไปยังริมแม่น้ำโขงอีกครั้ง ก็เห็นการปรากฏกายอีกรอบยิ่งทำให้เกิดความเชื่อมากขึ้น
ด้านพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร กล่าวว่า พิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึก หรือพิธีบวงสรวงพญานาค เกิดขึ้นตามประวัติความเป็นมาจากคืนวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 พ.ศ.2500 มีชาวบ้านในเขต อ.ธาตุพนม เห็นแสงประหลาดเป็นลำงาม โตเท่าลำต้นตาล มีสี 7 สี พุ่งแหวกอากาศแข่งกันเป็นลำยาวหลายเส้น จากทางด้านทิศเหนืแล้วหายเข้าไปในองค์พระธาตุพนม
ต่อมา ได้เกิดปฏิหารย์มีการประทับร่างทรงสามเณรในวัด พร้อมกล่าวบอกว่า ลำแสงที่ชาวบ้านพบเห็นเป็นพญานาค 7 ตน มีนามตามลำดับเป็นมงคลตามอริยทรัพย์อันประเสริฐ คือ 1.พญาสัทโทนาคราชเจ้า เป็นประธาน 2.พญาศีลวุฒินาโค 3.พญาหิริวุฒนาดโค 4.พญาโอตตัปปะวุฒนาโค 5.พญาสัจจะวุฒินาโค 6.พญาจาคะวุฒนาโค 7.พญาปัญญาเตชะวุฒนาโค ที่มีวิชาความรู้แตกต่างกัน ได้เสด็จมารักษาพระอุรังคธาตุ
เนื่องจากเทพยดาที่รักษาองค์พระธาตุอยู่ก่อนนิสัยไม่ดี อาศัยกินสินบน และเครื่องเซ่นสรวงของชาวบ้านทำให้เกิดเสื่อมศรัทธา จึงต้องมาประทับรักษาแทน หลังจากนั้น เมื่อมีเหตุการณ์ หรือเรื่องเดือดร้อน พญานาคก็จะมาประทับร่างทรง เพื่อโปรดชาวบ้าน เทศนาสั่งสอน สนทนาทางโลกทางธรรม และรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ถือปฏิบัติทำให้มีการจัดทำพิธีบวงสรวงบูชาพญานาคทั้ง 7 ตน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นพิธีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวนครพนมช่วงก่อนวันออกพรรษา
“หากใครที่ได้มาร่วมพิธีถือว่าเป็นบุญกุศล จะทำให้มีความสุข และเจริญรุ่งเรืองตลอดไป ส่วนเรื่องตำนานพญานาคนั้นมีตัวตนแน่นอน แล้วแต่ว่าจิตของแต่ละคน หรือบุญวาสนาของใครที่จะได้พบเห็น”