ตัวแทนวัดธาตุพนมแจงทุ่นเรือกลางลำน้ำโขงคนละเรื่องกับปรากฏการณ์พญานาค

นครพนม - ตัวแทนวัดธาตุพนมแจงกรณีมีกลุ่มคนนั่งเรือตรวจพิสูจน์สิ่งประหลาดคล้ายพญานาคกลางลำน้ำโขงเป็นทุ่นเรือนั้น เป็นคนละเรื่องกับพญานาคที่มีคนพบเห็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีศิษยานุศิษย์ พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ได้พบเห็นสิ่งแปลกประหลาดเชื่อว่าเป็นพญานาคกลางแม่น้ำโขง ขณะเดินทางไปปล่อยปลาทำบุญบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม

พร้อมมีการบันทึกภาพสิ่งแปลกประหลาดคล้ายพญานาคไว้ได้ในช่วงวันที่มีการประกอบพิธีบูชาพญานาค สัตนาคารำลึก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556 เวลาประมาณ 13.00 น.

ภายหลังเป็นข่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้ในวันที่ 10 ตุลาคม 2556 ได้มีชาวบ้านแห่ไปเฝ้าดู และลือกันว่าพบเห็นพญานาคบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง จนกระทั่งมีชาวบ้านนั่งเรือหางยาวไปดูพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ระบุว่าสิ่งที่พบเห็นเป็นพญานาคนั้นเป็นทุ่นเรือที่ยึดไว้กลางแม่น้ำโขง และกลายเป็นข่าวลือว่าภาพที่พบเป็นทุ่นเรือ

ล่าสุด นายพร้อมพันธ์ กุลภา อายุ 60 ปี คณะกรรมการมหาวิทยาลัยสงฆ์วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร ซึ่งติดตามตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์พบเห็นพญานาคมาต่อเนื่อง เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวตนขอชี้แจงว่าเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากวันที่มีศิษยานุศิษย์ พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถ่ายภาพสิ่งแปลกประหลาดคล้ายพญานาคกลางน้ำโขงนั้นเป็นวันที่ 9 ตุลาคม 2556

จนกระทั่งวันที่ 10 มีข่าวแพร่ออกไปจึงมีชาวบ้านแห่มาดู จนกระทั่งลือว่าพบอีก และมีการไปตรวจสอบว่าเป็นทุ่นเรือ ซึ่งมีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกัน และสามารถมองเห็นได้ว่าเป็นทุ่นเรือ ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบยืนยันสรุปว่าเป็นทุ่นเรือ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าใจผิด แต่เป็นคนละเรื่องกับที่มีคนถ่ายภาพได้

อย่างไรก็ตาม จากตำนานเรื่องพญานาคนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ เพราะพญานาคไม่ใช่สิ่งมีชีวิต หรือปลาตามธรรมชาติทั่วไป แต่เป็นสิ่งลี้ลับที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ มีมาตามตำนานครั้งพุทธกาล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้

เช่นเดียวกันกับบั้งไฟพญานาคก็ยังไม่มีใครกล้าไปพิสูจน์ และยืนยันว่ากรณีพบภาพถ่ายคล้ายพญานาคในช่วงพิธีบูชาพญานาคที่วัดพระธาตุพนม มีบุคคลที่สามารถยืนยันเชื่อถือได้ว่าพบสิ่งแปลกประหลาดที่ไม่ใช่ทุ่นเรือ ที่ยากต่อการพิสูจน์

ที่สำคัญบุคคลดังกล่าวรวมถึงวัดพระธาตุพนมไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างเรื่องขึ้น จนมีสื่อบางสำนักมีการนำเสนอเพื่อหักล้าง ซึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธาตุพนมได้